แปรงสีฟัน: เลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน และเคล็ดลับการดูแล

สุขภาพช่องปากที่ดีเริ่มต้นด้วยการแปรงฟัน การเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะกับการใช้งานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจ เพราะหากเลือกผิดประเภทอาจทำให้เกิดปัญหาในช่องปากตามมา ในปัจจุบันมีแปรงสีฟันออกมาให้เลือกหลายแบบตามประเภทการใช้งาน หลายคนอาจกำลังใช้แปรงสีฟันที่ไม่เหมาะสมกับช่องปากโดยไม่รู้ตัว

แปรงสีฟัน

วิธีการเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะสม

แปรงสีฟันในอดีตเป็นเพียงด้ามแปรงธรรมดามาพร้อมขนแปรงไนลอน ทำให้การตัดสินใจซื้อเป็นเรื่องแสนง่ายดาย เนื่องจากไม่มีตัวเลือกให้พิจารณามากนัก แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไปทำให้แปรงสีฟันมีตัวเลือกรูปแบบต่าง ๆ ตามมา การหยิบแปรงสีฟันสักด้ามออกจากชั้นวางจึงต้องพิจารณาตามความต้องการและอายุของผู้ใช้เป็นหลัก รวมถึงองค์ประกอบพื้นฐานต่อไปนี้

  • ขนาดของหัวแปรง แปรงสีฟันที่ดีจะต้องมีรูปทรงหัวแปรงที่สามารถซอกซอนเข้าไปทำความสะอาดฟันทุกซี่ได้อย่างทั่วถึง หัวแปรงสีฟันสำหรับผู้ใหญ่ควรมีขนาดกว้างประมาณ ½ -1 นิ้ว และความยาวประมาณ 1 นิ้ว เพราะขนาดหัวแปรงที่ใหญ่เกินไปอาจทำความสะอาดในบริเวณที่ยากจะเข้าถึงได้ไม่หมดจดหรือแปรงไม่โดนบริเวณนั้น เช่น ด้านข้างหรือด้านหลังของฟันกราม
  • ขนแปรง ความอ่อนตัวของขนแปรงมีให้เลือกหลายระดับตามวัสดุที่ใช้ ตั้งแต่ชนิดอ่อนนุ่ม ชนิดนุ่มพิเศษ ชนิดปานกลาง ขนแปรงที่เหมาะสมในการใช้งานสำหรับผู้ใหญ่ควรผลิตจากไนลอน พีบีที (Polybutylene Terephthalate: PBT) หรือวัสดุที่ระบุคุณสมบัติเทียบเท่า มีความอ่อนนุ่ม ปลายขนแปรงโค้งมนเล็กน้อย ทั้งนี้ แรงกดในขณะแปรงฟันและความแข็งแรงของฟันแต่ละคนก็มีผลต่อการแปรงฟัน การเลือกใช้ขนแปรงที่มีความแข็งระดับปานกลางหรือแข็งมากจึงอาจสร้างความเสียหายให้กับเหงือก รากฟัน หรือเร่งให้เคลือบฟันสึกกร่อนได้ง่ายจนนำไปสู่ปัญหาช่องปากได้
  • ด้ามจับ แปรงสีฟันควรมีด้ามแปรงยาวพอเหมาะ จับได้ถนัดมือ แข็งแรง ไม่เปราะหรือหักง่าย
  • คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญหรือเครื่องหมายรับรอง นอกจากการเลือกซื้อด้วยตนเอง บางคนอาจขอคำแนะนำจากทันตแพทย์ให้ช่วยแนะนำชนิดของแปรงสีฟันที่เหมาะสมกับช่องปาก แปรงสีฟันบางรุ่นจะมีฉลากเครื่องหมายรับรองคุณภาพบนผลิตภัณฑ์   

เลือกแปรงสีฟันแบบไหนดี: แปรงสีฟันธรรมดา VS แปรงสีฟันไฟฟ้า

จะเลือกแปรงสีฟันแบบไหนดีระหว่างแปรงสีฟันธรรมดาและแปรงสีฟันไฟฟ้า คำถามยอดฮิตของหลายคนเมื่อต้องซื้อแปรงสีฟันสักด้ามมาใช้งาน ด้วยคุณสมบัติในการทำความสะอาดช่องปากที่ดีของแปรงสีฟันทั้ง 2 แบบ จึงตัดสินได้ยาก แต่อาจพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้

  • ราคา ก่อนการเลือกซื้อแปรงสีฟันควรประเมินงบในกระเป๋าคร่าว ๆ เนื่องจากแปรงสีฟันทั้ง 2 แบบจะมีราคาแตกต่างกัน แปรงสีฟันไฟฟ้าจะมีราคาค่อนข้างสูงกว่าแปรงสีฟันธรรมดาหลายเท่า อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายเสริมในขณะใช้งานตามมา เช่น หัวแปรง แบตเตอรี่หรือถ่านไฟฉาย ผู้ใช้ที่ไม่ต้องการความสะดวกสบายมากนักแต่เน้นราคาที่ย่อมเยาก็อาจใช้แปรงสีฟันธรรมดาทดแทน
  • ความชอบส่วนตัว แปรงสีฟันไฟฟ้าจะมาพร้อมฟังก์ชั่นการทำงานเสริมในบางรุ่น เช่น แสดงระดับแบตเตอรี่ในการใช้งาน ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย  แต่หลักการทำความสะอาดทั่วไปของแปรงสีฟันไฟฟ้าจะใช้ระบบสั่นในการทำความสะอาดแทนการแปรงแบบปกติ ซึ่งบางคนอาจไม่ประทับใจ แต่บางคนอาจชอบความสะดวกในการใช้งานมากกว่า ในขณะที่แปรงสีฟันธรรมดาไม่มีระบบการใช้งานอย่างแปรงสีฟันไฟฟ้า แต่สามารถควบคุมความหนักเบาในการแปรงได้ตามน้ำหนักมือผู้ใช้ ความชอบส่วนตัวจึงเป็นอีกเหตุผลที่ช่วยให้ตัดสินใจได้มากขึ้น
  • ประสิทธิภาพ แปรงสีฟันไฟฟ้าได้รับการคิดค้นสำหรับกลุ่มคนที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวเป็นหลัก เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถแปรงฟันได้ง่ายขึ้น แต่ปัจจุบันถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวันกับบุคคลปกติ จึงมักเกิดข้อสงสัยในการทำความสะอาดของแปรงสีฟันทั้ง 2 แบบ จากการศึกษางานวิจัยกว่า 30 ชิ้น ที่เปรียบเทียบประสิทธิภาพในการขจัดคราบจุลินทรีย์และป้องกันโรคเหงือกของแปรงสีฟันธรรมดากับแปรงสีฟันไฟฟ้าพบว่า โดยทั่วไปไม่พบความแตกต่างมากนักระหว่างของแปรงสีฟันทั้ง 2 แบบในแง่ของการทำความสะอาด แต่หลักฐานบางส่วนแนะนำว่า แปรงสีฟันไฟฟ้าเฉพาะประเภทที่ขนแปรงหมุนเป็นวงกลมอาจมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ดีกว่าแปรงสีฟันธรรมดา
  • ความปลอดภัย แม้ว่าแปรงสีฟันจะผ่านการรับรองประสิทธิภาพในการผลิตและใช้งาน แต่ยังคงต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงของตนเองในเบื้องต้นด้วย เช่น ผู้ที่มีพฤติกรรมแปรงฟันอย่างรุนแรงอาจทำลายเคลือบฟันและเร่งให้เหงือกร่น เร็วกว่าปกติ จึงอาจเลือกใช้แปรงสีฟันไฟฟ้ามากกว่า เพื่อเลี่ยงการสร้างแรงกดที่มากเกินไปในขณะแปรงฟันและยังเป็นการถนอมช่องปาก อย่างไรก็ตาม งานวิจัยบางชิ้นพบว่า แปรงสีฟันไฟฟ้ามีแนวโน้มช่วยเพิ่มจำนวนแบคทีเรียในกระแสเลือด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจจากการติดเชื้อ มากกว่าคนทั่วไปที่มีระบบภูมิคุ้มกันและการทำงานของหัวใจเป็นปกติ ทั้งนี้ ยังบอกไม่ได้แน่นอนจนกว่าจะมีการค้นคว้าเพิ่มเติม

ข้อดีและข้อจำกัดของแปรงสีฟันทั้ง 2 แบบ พบว่าแปรงสีฟันธรรมดาจะมีราคาที่ไม่แพงมากนัก หาซื้อได้ง่าย พกพาสะดวก พร้อมใช้งานได้ทันที ปลอดภัยต่อเด็กเล็กในการใช้งาน อีกทั้ง ยังมีแรงกดลงบนฟันและเหงือกน้อยกว่า ในขณะที่แปรงสีฟันไฟฟ้าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการแปรงฟัน มักเหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนไหวน้อย เช่น ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวบริเวณไหล่ แขน หรือมือ จึงอาจส่งผลกระทบต่อการทำความสะอาดช่องปากอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้แปรงสีฟันไฟฟ้าน่าจะเป็นแปรงสีฟันที่เหมาะสมในการใช้งานมากกว่าแปรงสีฟันธรรมดาตามคำแนะนำของสมาคมทันตแพทย์อเมริกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเป็นหลัก คือ การแปรงฟันเป็นประจำทุกวันและใช้ไหมขัดฟันสม่ำเสมอ สำหรับประเภทแปรงสีฟันเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมการทำความสะอาดของช่องปากที่จะแตกต่างกันไปตามความชอบและวัตถุประสงค์ในแต่ละบุคคล

การเลือกแปรงสีฟันสำหรับเด็ก

แปรงสีฟันเด็กในปัจจุบันมีสีสันและลวดลายหลากหลายแบบมากกว่าของผู้ใหญ่ เพื่อดึงดูดให้การแปรงฟันเป็นเรื่องสนุกและช่วยให้เด็กแปรงฟันได้นานพอ แต่ไม่ใช่แปรงสีฟันทุกด้ามจะเหมาะสมกับเด็ก ผู้ปกครองควรใส่ใจในการเลือกเช่นเดียวกับแปรงสีฟันสำหรับผู้ใหญ่ตามคำแนะนำ ดังนี้   

  • เลือกแปรงสีฟันที่ผ่านการรับรองว่าได้คุณภาพและปลอดภัยต่อการใช้งานจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น โครงการรับรองคุณภาพแปรงสีฟัน โดยกรมอนามัย สมาคมทันตแพทย์อเมริกัน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรม
  • หัวแปรงและด้ามมีขนาดเหมาะสมตามอายุเด็ก
  • ขนแปรงควรเลือกชนิดอ่อนนุ่ม
  • กรณีที่เป็นเด็กโตอาจให้เด็กมีส่วนร่วมในการเลือกแปรงสีฟันด้วยตนเองมากขึ้น โดยผู้ปกครองช่วยให้คำแนะนำ เพื่อสุขอนามัยในช่องปากที่ดีและส่งเสริมให้การแปรงฟันเป็นกิจกรรมที่สนุก

คำแนะนำในการดูแลแปรงสีฟัน

สมาคมทันตแพทย์อเมริกันได้ให้คำแนะนำในการดูแลความสะอาดของแปรงสีฟันด้วยหลักดังนี้

  • ไม่ควรใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น การใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่นอาจจะได้รับจุลินทรีย์หรือเชื้ออื่นผ่านทางของเหลวที่ติดในแปรงสีฟันกลับมาเป็นของแถม จึงควรแยกแปรงสีฟันเป็นของใช้ส่วนตัวจะดีที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือเป็นโรคประจำตัว ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
  • ล้างแปรงสีฟันให้สะอาด หลังแปรงฟันเสร็จควรล้างขนแปรงให้สะอาด ปราศจากคราบยาสีฟันหรือฟอง โดยปล่อยให้น้ำไหลผ่านบริเวณขนแปรง การวางแปรงสีฟันควรวางในลักษณะหัวแปรงตั้งขึ้นและปล่อยให้ขนแปรงแห้งสนิทก่อนการใช้ครั้งต่อไป กรณีที่มีแปรงสีฟันหลายด้ามควรวางแยกกัน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค
  • ห้ามเก็บแปรงสีฟันในภาชนะที่ปิดสนิทเป็นเวลานาน ภาชนะปิดอาจเกิดความชื้นได้ง่าย เมื่อเก็บแปรงสีฟันเปียก ๆ หลังการใช้งานอาจจะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์มากกว่าบริเวณอากาศที่เปิดโล่ง 
  • เปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-4 เดือน ไม่ว่าจะใช้แปรงสีฟันประเภทไหนย่อมเกิดการสึกหรอไปตามระยะเวลาการใช้งาน อายุการใช้งานเฉลี่ยของแปรงสีฟันที่ใช้งานเป็นประจำจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือน ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น ใช้แปรงสีฟันบ่อยแค่ไหน ลักษณะการใช้แปรงสีฟัน หรืออายุผู้ใช้ ซึ่งแปรงสีฟันเด็กควรเปลี่ยนบ่อยกว่าผู้ใหญ่ หมั่นสังเกตลักษณะแปรงสีฟันอย่างสม่ำเสมอ เพราะการใช้งานแปรงสีฟันที่เสื่อมสภาพอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคและทำความสะอาดซี่ฟันและช่องปากได้ไม่ทั่วถึง

การเลือกแปรงสีฟันอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมสุขภาพช่องปากให้มีสุขภาพดี และควรแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ประมาณครั้งละ 2 นาทีและใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำหลังแปรงฟัน สิ่งสำคัญในเลือกแปรงสีฟันไม่ว่าจะเป็นประเภทใดควรคำนึงถึงประสิทธิภาพในการช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียและจุลินทรีย์ในช่องปากอันเป็นสาเหตุหลักของฟันผุและโรคเหงือก