7 ผลไม้ช่วยขับถ่ายที่หาได้ง่าย ๆ ใกล้ตัว

การรับประทานผลไม้ช่วยขับถ่ายอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยได้ หากมีอาการท้องผูกเกิดขึ้น เช่น อุจจาระแข็ง อุจจาระไม่ออก หรือไม่อุจจาระนานกว่า 3 วัน โดยผลไม้ช่วยขับถ่ายมักจะมีใยอาหารสูง และมีน้ำเป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก จึงสามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้ และช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้

ผลไม้อุดมไปด้วยใยอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารพฤกษเคมีต่าง ๆ ที่มีสรรพคุณในการบำรุงสุขภาพมากมาย อีกทั้งผลไม้หลายชนิดยังมีคุณสมบัติในการช่วยขับถ่ายด้วย คุณจึงควรเลือกรับประทานผลไม้เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ ได้รับใยอาหารตามปริมาณที่ต้องการ หรือประมาณ 28 กรัมต่อวัน และช่วยให้ห่างไกลจากอาการท้องผูกด้วย

ผลไม้ช่วยขับถ่าย

ผลไม้ช่วยขับถ่ายที่หารับประทานได้ง่าย 

ผลไม้ช่วยขับถ่ายมีหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลากหลายด้าน คุณจึงควรรับประทานผลไม้เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ได้รับใยอาหารหรือประโยชน์อื่น ๆ จากผลไม้ซึ่งสำคัญต่อการขับถ่ายอย่างสม่ำเสมอ และไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมา ตัวอย่างผลไม้ช่วยขับถ่ายที่สามารถหารับประทานง่าย ๆ ใกล้ตัวคุณ มีดังนี้

1. มะละกอ 

มะละกอเป็นผลไม้ที่สามารถหารับประทานได้ง่าย ในมะละกอจะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่าปาเปน (Papain) ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยย่อยอาหาร ทำให้โปรตีนในกระเพาะอาหารย่อยสลายได้ง่ายขึ้น จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูก อาการท้องอืด และอาการอาหารไม่ย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ส้ม

ผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้มหรือส้มโอ ไม่เพียงแต่มีรสชาติสดชื่นเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งของใยอาหารที่มีส่วนช่วยในการขับถ่ายด้วย โดยใยอาหารในส้มที่ชื่อว่าเพคตินจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ และช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ส้มยังมีวิตามินซีสูง จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกหลายประการเลยทีเดียว

3. สับปะรด

สับปะรดมีใยอาหารในปริมาณมาก ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้และช่วยส่งเสริมการขับถ่ายให้ดีขึ้นได้ อีกทั้งสับปะรดยังมีเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าโบรมีเลน (Bromelain) เอนไซม์ชนิดนี้จะช่วยย่อยสลายเนื้อสัตว์หรือโปรตีนที่รับประทานเข้าไป ทำให้ลำไส้เล็กสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น และส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารของร่างกายด้วย

4. แก้วมังกร

แก้วมังกรมีใยอาหารในปริมาณมาก จึงมีประโยชน์ในการช่วยย่อยอาหาร ช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้ และสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ แก้วมังกรยังมีพรีไบโอติก (Prebiotics) ที่ชื่อว่าโอลิโกแซ็กคาไรด์ (Oligosaccharides) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อลำไส้ จึงสามารถช่วยปรับปรุงสุขภาพของลำไส้ให้ดีขึ้นได้

5. แอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่สามารถรับประทานได้ทั้งเปลือก ซึ่งบริเวณเปลือกของแอปเปิ้ลจะมีใยอาหารในปริมาณ ใยอาหารชนิดหนึ่งในแอปเปิ้ลที่ชื่อว่าเพคติน (Pectin) มีคุณสมบัติในการแก้อาการท้องผูกและช่วยส่งเสริมการขับถ่าย โดยการช่วยลดความแข็งของอุจจาระ ช่วยลดระยะเวลาในการขับถ่าย รวมถึงช่วยเพิ่มความถี่หรือจำนวนครั้งในการขับถ่ายด้วย

6. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ 

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ หรือแบล็กเบอร์รี่ เป็นผลไม้ขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยใยอาหารและยังมีน้ำในปริมาณมาก จึงสามารถช่วยเพิ่มปริมาณของอุจจาระและทำให้อุจจาระนิ่มลงได้ นอกจากนี้ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ยังมีปริมาณแคลอรีต่ำ จึงเหมาะแก่การรับประทานเป็นของว่างระหว่างมื้ออาหาร โดยไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับแคลอรี่มากเกินไปด้วย

7. ลูกพรุน

ลูกพรุนหรือลูกพลัมอบแห้ง เป็นอีกหนึ่งทางเลือกหนึ่งสำหรับผลไม้ช่วยขับถ่ายที่ควรรับประทาน เพราะในลูกพรุนมีทั้งใยอาหารที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ทำให้สามารถช่วยปรับปรุงการทำงานของลำไส้ได้ นอกจากนี้ ลูกพรุนยังมีสารซอร์บิทอล (Sorbitol) ซึ่งเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่มีคุณสมบัติคล้ายกับยาระบาย จึงสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้

ผลไม้ช่วยขับถ่ายยังมีอีกมากมายให้คุณสามารถเลือกรับประทานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกล้วย มะม่วง แตงโม ฝรั่ง ลูกแพร์ หรือกีวี่ นอกจากนี้ อาหารชนิดอื่น ๆ เช่น ผักหรือธัญพืช ก็ยังอุดมไปด้วยใยอาหารในปริมาณมาก และสามารถช่วยปรับปรุงการขับถ่ายได้เช่นกัน คุณจึงควรรับประทานอาหารเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมในการขับถ่ายที่ดี

นอกจากการรับประทานผลไม้ช่วยขับถ่ายแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ขับถ่ายให้เป็นเวลา ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกาย หรือรับประทานยาระบายอย่างเหมาะสมภายใต้คำแนะนำของเภสัชกรก็อาจช่วยให้อาการขับถ่ายดีขึ้นได้เช่นกัน แต่หากยังมีอาการท้องผูกเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการท้องผูกที่เกิดขึ้น เพราะอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพที่ควรได้รับการรักษา