เซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone)
Ceftriaxone (เซฟไตรอะโซน) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มยาเซฟาโลสปอริน (Cephalosporin) ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียด้วยการทำลายผนังเซลล์ มักใช้ในผู้ที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียลุกลามทั่วร่างกาย เช่น การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือการติดเชื้อในอวัยวะต่าง ๆ นอกจากนี้ อาจฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วยก่อนผ่าตัดอีกด้วย
ในประเทศไทย Ceftriaxone จะถูกฉีดเพื่อรักษาอาการป่วยโดยแพทย์ในโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลเท่านั้น แพทย์จะสั่งจ่ายยาโดยพิจารณาฉีดเข้าตามอาการหรือชนิดของโรคเป็นหลัก รวมถึงการพิจารณาอายุ ประวัติการแพ้ยา และการตอบสนองของผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงประวัติทางการแพทย์ต่าง ๆ ที่สำคัญก่อนใช้ยา
เกี่ยวกับยา Ceftriaxone
กลุ่มยา | ยาปฏิชีวนะ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กและผู้ใหญ่ |
การใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และผู้ให้นมบุตร | Category B จากการศึกษาในสัตว์ ไม่พบความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์สัตว์ แต่ไม่มีการศึกษาในมนุษย์หรืออาจพบผลไม่พึงประสงค์ในสัตว์ และยังไม่พบความเสี่ยงในมนุษย์เมื่อใช้ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ รวมทั้งไม่มีหลักฐานทางการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่ามีความเสี่ยงเมื่อใช้ในช่วงหลังเดือนที่สามเป็นต้นไป สำหรับผู้ให้นมบุตร สารจากตัวยาสามารถปนมากับน้ำนม ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา |
รูปแบบของยา | ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ยาฉีดเข้าเส้นเลือด |
คำเตือนของการใช้ยา Ceftriaxone
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา Ceftriaxone ผู้ป่วยควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
- แจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบก่อนการใช้ยา โดยเฉพาะการแพ้ยาในกลุ่มยาปฏิชีวนะ เช่น เซฟาเลกซิน (Cephalexin) เซฟโพรซิล (Cefprozil) อะม็อกซี่ซิลิน (Amoxicillin) ไอมิเพเนม (Imipenem) และเซฟิซิม (Cefixime)
- ควรแจ้งให้แพทย์ก่อนใช้ยา หากผู้ป่วยแพ้อาหารหรือแพ้สารหรือแพ้อาหารใด ๆ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากข้าวโพด
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากเคยมีประวัติป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับตับหรือไต หรือเคยมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น ลำไส้อักเสบ ติดเชื้อ หรือเคยท้องร่วง ลิ่มเลือดอุดตัน โรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี โรคเบาหวาน
- ห้ามใช้ยาในเด็กแรกเกิดที่มีอายุน้อยกว่า 29 วันที่มีภาวะดีซ่านหรือตัวเหลืองในเด็กแรกเกิด หรือเด็กแรกเกิดที่กำลังได้รับการฉีดยาที่มีส่วนประกอบของแคลเซียม
- การใช้ยา Ceftriaxone อาจก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น อาการแพ้อย่างรุนแรง ท้องร่วงและตับอ่อนอักเสบ หากมีอาการผิดปกติควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากผู้ป่วยกำลังวางแผนมีบุตร กำลังตั้งครรภ์ หรือผู้ที่กำลังให้นมบุตร เพราะการใช้ยาอาจส่งผลต่อทารกได้
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา หากผู้ป่วยกำลังใช้ยา อาหารเสริม หรือกำลังได้รับการรักษาชนิดใดอยู่ โดยเฉพาะยาหรืออาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของแคลเซียม
ปริมาณการใช้ยา Ceftriaxone
ในการใช้ยา Ceftriaxone เพื่อการรักษามักแตกต่างกันไปตามการใช้งาน ตัวอย่างการใช้งาน มีดังนี้
โรคหนองในชนิดไม่มีภาวะแทรกซ้อน
ผู้ใหญ่ ฉีดยา Ceftriaxone ปริมาณ 250–500 มิลลิกรัมเข้ากล้ามเนื้อ จำนวน 1 เข็ม
การติดเชื้อบริเวณกระดูกและข้อต่อ
ผู้ใหญ่ ให้ยา Ceftriaxone วันละ 1–2 กรัม หากติดเชื้อรุนแรงอาจเพิ่มปริมาณยาเป็นวันละ 4 กรัม โดยแบ่งให้วันละ 1–2 ครั้ง ด้วยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ
เด็กอายุไม่เกิน 12 ปีที่มีน้ำหนักไม่เกิน 50 กิโลกรัม ให้ยา Ceftriaxone ปริมาณ 50–80 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยแบ่งให้วันละ 1–2 ครั้ง ด้วยการหยอดยาเข้าสู่กระแสเลือดช้า ๆ อย่างน้อย 30 นาที หรือการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ ในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง อาจเพิ่มยาเป็นวันละ 100 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แต่ไม่ควรเกิน 4 กรัมต่อวัน
เด็กอายุไม่เกิน 15 วัน ให้ยา Ceftriaxone ปริมาณ 20–50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม วันละ 1 ครั้งด้วยการหยอดยาเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้า ๆ อย่างน้อย 60 นาที หรือฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ โดยปริมาณยาสูงสุดไม่เกิน 50 มิลลิกรัมต่อวัน
การป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัด
ผู้ใหญ่ ฉีดยา Ceftriaxone ปริมาณ 1–2 กรัม จำนวน 1 เข็ม โดยฉีดช้า ๆ อย่างน้อย 5 นาทีในช่วงก่อนผ่าตัด 30 นาที–2 ชั่วโมง หรือหยอดยาเข้าสู่กระแสเลือดช้า ๆ ในช่วงก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 30 นาที หรือฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อชั้นลึก สำหรับการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อไม่ควรฉีดเกิน 1 กรัมต่อจุด
การใช้ยา Ceftriaxone
โดยปกติแล้ว ยา Ceftriaxone จะมีสีเหลืองอ่อนหรือเหลืองอำพัน ห้ามใช้ยาหากยานั้นเปลี่ยนเป็นสีขุ่นหรือสีใส หรือหากภาชนะที่บรรจุยาแตกหรือมีการบุบสลาย โดยยาชนิดนี้ควรเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 20–25 องศาเซลเซียส ในที่ที่พ้นจากแสงแดด
ยา Ceftriaxone ออกฤทธิ์กำจัดเชื้อแบคทีเรียแต่ไม่มีผลต่อการรักษาการติดเชื้อไวรัส ทั้งนี้ การใช้ยา Ceftriaxone ต้องใช้จนครบตามปริมาณที่เหมาะสมกับอาการป่วย หากหยุดใช้ยากะทันหัน ไม่ครบตามปริมาณที่กำหนด หรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เชื้อดื้อยาและยากต่อการรักษาในอนาคต
ในระหว่างการรักษาภาวะติดเชื้อที่ยืดเยื้อและใช้เวลานาน แพทย์อาจตรวจเลือดเป็นระยะ เพื่อตรวจดูระดับสารต่าง ๆ ในร่างกายว่ามีความปกติหรือไม่ และเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ก่อนตรวจเลือดหรือทำการทดสอบต่าง ๆ ที่ส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจปัสสาวะ ควรแจ้งให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการทราบ เพราะการใช้ยานี้อาจกระทบต่อผลการทดสอบได้
ปฏิกิริยาระหว่างยา Ceftriaxone กับยาอื่น
ยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างต่อยา Ceftriaxone ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ ตัวอย่างยาที่อาจส่งผลต่อการทำงานของยา Ceftriaxone เช่น
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น ยาวาร์ฟาริน (Warfarin) และยาเฮพาริน (Heparin)
- ยาปฎิชีวนะบางชนิด เช่น ยาอะมิคาซิน (Amikacin)
- ยาแก้ท้องผูกหรือยาระบาย เช่น โซเดียม พิโคซัลเฟต (Sodium picosulfate)
- ยาที่มีส่วนผสมของแคลเซียม เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium carbonate) และแคลเซียมคลอไรด์ (Calcium chloride)
นอกจากยาที่กล่าวมาข้างต้น ยังมียาชนิดอื่น ๆ ที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Ceftriaxone ดังนั้น ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทุกครั้ง หากกำลังใช้ยาหรืออาหารเสริมอยู่ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Ceftriaxone
การใช้ยา Ceftriaxone อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น มีอาการบวมแดงหรือเจ็บปวดในบริเวณที่ถูกฉีดยา ท้องร่วง คลื่นไส้และอาเจียน นอกจากนี้ อาจมีอาการข้างเคียงรุนแรงอื่น ๆ เช่น
- ผิวหนังบริเวณที่ฉีดยาเกิดความเจ็บปวดมาก กดแล้วเจ็บ เป็นก้อนแข็ง หรือรู้สึกร้อน
- อ่อนเพลีย ผิวซีด ผิวลอก ผิวเป็นตุ่มพอง มีเลือดออกง่ายและมีภาวะดีซ่าน (ตัวเหลืองตาเหลือง)
- มีไข้ เจ็บคอ หนาวสั่น หรือมีอาการที่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อ
- รู้สึกแสบร้อนกลางอก เจ็บหน้าอก และเจ็บบริเวณข้าง ๆ หรือหลังบริเวณบั้นเอวอย่างรุนแรง
- ปวดท้อง ชาบริเวณท้อง ท้องอืด และท้องเฟ้อ
- เจ็บปวดขณะปัสสาวะ ปัสสาวะน้อยลง ปัสสาวะบ่อยมากกว่าปกติ อาจปัสสาวะเป็นเลือด ซึ่งทำให้ปัสสาวะมีสีน้ำตาล แดง ขุ่น หรือมีกลิ่นเหม็น
- ท้องร่วงหรือถ่ายเหลวมาก และอาจถ่ายเป็นเลือด
- เกิดอาการชัก
นอกจากนี้ ยา Ceftriaxone อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผดผื่นขึ้นตามผิวหนัง หน้าบวม ปากบวม ลิ้นบวม กลืนอาหารไม่ได้ หายใจลำบาก หากพบอาการของผลข้างเคียงที่รุนแรงหรือมีอาการแพ้ปรากฏขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาหรือรับการรักษาต่อไป