Digoxin (ไดจอกซิน)
Digoxin (ไดจอกซิน) เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มยาคาร์ดิแอก ไกลโคไซด์ (Cardiac Glycoside) ซึ่งมีกลไกออกฤทธิ์โดยการส่งผลกระทบต่อแร่ธาตุบางชนิดภายในเซลล์หัวใจ ซึ่งจะช่วยลดความตึงเครียดของหัวใจและช่วยรักษาจังหวะการเต้นหัวใจให้เป็นปกติและสม่ำเสมอ รวมไปถึงช่วยเพิ่มแรงบีบตัวให้กล้ามเนื้อหัวใจและช่วยลดการนำไฟฟ้าหัวใจ ซึ่งทำให้อัตราการเต้นของหัวใจช้าลง
ยาไดจอกซินจะนำมาใช้ในการรักษา เช่น ภาวะหัวใจวาย หรือหัวใจเต้นผิดปกติ หรือใช้บรรเทาอาการต่าง ๆ ของภาวะหัวใจวาย เช่น ขาบวม เท้าบวม หายใจลำบาก หรืออ่อนเพลีย อย่างไรก็ตาม ยานี้มีข้อห้ามใช้และผลข้างเคียงมาก ดังนั้น การใช้ยาควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร
เกี่ยวกับยา Digoxin
กลุ่มยา | ยากลุ่มคาร์ดิแอก ไกลโคไซด์ (Cardiac Glycoside) |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาภาวะหัวใจวาย หัวใจเต้นผิดปกติ |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็ก ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน ยาให้ทางหลอดเลือด |
คำเตือนของการใช้ยา Digoxin
- ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากมีประวัติแพ้ยานี้ ยาดิจิท็อกซิน (Digitoxin) หรือยาอื่น ๆ
- ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากมีการใช้ยาที่แพทย์สั่งและยาที่ใช้เอง ยาสมุนไพร อาหารเสริม วิตามิน โดยเฉพาะยาลดกรด ยาปฏิชีวนะ และยาขับปัสสาวะ เนื่องจากหากใช้ร่วมกับยาไดจอกซินอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาหรืออาการไม่พึงประสงค์ได้
- ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากมีประวัติการทำงานของต่อมไทรอยด์หรือไตผิดปกติ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคมะเร็ง หรือมีภาวะแคลเซียม โปแตสเซียม หรือแมกนีเซียมในเลือดสูงกว่าปกติ หัวใจเต้นผิดปกติชนิด Ventricular Tachycardia/Fibrillation กล้ามเนื้อหัวใจหนา (Obstructive Cardiomyopathy) และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ Wolff-Parkinson-White Syndrome
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากกำลังตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- หากต้องมีการรักษาทางทันตกรรมหรือต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้
- หลีกเลี่ยงการขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน ง่วงนอน หรือตามัว ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้
- ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ในทารกและเด็ก เนื่องจากจะมีความไวต่อยานี้ โดยเฉพาะอาจส่งผลกระทบต่อการเต้นของหัวใจ
- ยาอื่น ๆ ที่อาจทำให้ยาไดจอกซินมีประสิทธิภาพลดลงหรือเปลี่ยนแปลงการดูดซึมของยา ได้แก่
- ยาเฟนิโทอิน (Phenytoin)
- ยานีโอมัยซิน (Neomycin)
- ยาซัลฟาซาลาซีน (Sulfasalazine)
- เกาลิน (Kaolin)
- เพกทิน (Pectin)
- เมโทโคลพราไมด์ (Metoclopramide)
- ยาลดกรด
- ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยรังสีบำบัด
- ยาที่อาจทำให้ระดับเลือดเพิ่มขึ้น ได้แก่ แคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ (Calcium Channel Blocker) ยาสไปโรโนแลคโตน (Spironolactone) ยาควินิดีน (Quinidine) และเกลือแคลเซียม (Calcium Salt)
ปริมาณการใช้ยา Digoxin
การรักษาฉุกเฉินสำหรับภาวะหัวใจวาย
ผู้ใหญ่: ผู้ป่วยที่ไม่เคยได้รับยากลุ่มคาร์ดิแอก ไกลโคไซด์ (Cardiac Glycoside) ในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ ใช้ยาขนาด 0.5-1 มิลลิกรัม โดยให้หยดทางหลอดเลือดดำเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ครั้งเดียว หรือแบ่งให้เป็นครั้ง โดยให้ทางหลอดเลือดดำครั้งละ 10-20 นาที สำหรับการให้ขนาดยาต่อเนื่อง (Maintenance Dose) มักจะให้เป็นยารับประทาน
ภาวะหัวใจวาย หรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Supraventricular Arrhythmias)
ผู้ใหญ่: ให้ยาขนาดสูงอย่างรวดเร็ว โดยการรับประทานขนาด 0.75-1.5 มิลลิกรัม ในเวลา 24 ชั่วโมง ครั้งเดียว หรือแบ่งให้ทุก 6 ชั่วโมง สำหรับกรณีที่ไม่เร่งด่วนมากหรือผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง
สำหรับภาวะหัวใจวายที่ไม่รุนแรง ใช้ขนาด 250 ไมโครกรัม วันละ 1-2 ครั้ง
สำหรับผู้ป่วยที่การทำงานของไตเป็นปกติ โดยปกติยาจะได้ระดับในการรักษา ใช้เวลา 7 วัน
สำหรับการให้ขนาดยาต่อเนื่อง (Maintenance Dose) ในกรณีที่การทำงานของไตเป็นปกติและยาจะได้ระดับในการรักษา ใช้เวลา 7 วัน ให้ขนาด 125-250 มิลลิกรัมต่อวัน แต่อาจให้ได้ระหว่าง 62.5-500 ไมโครกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้รักษา
เด็ก:
ทารกน้ำหนักตัวต่ำกว่า 1.5 กิโลกรัม ขนาดเริ่มต้น รับประทาน 25 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ในเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นรับประทาน 4-6 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน รับประทาน 1-2 ครั้ง
ทารกน้ำหนักตัว 1.5-2.5 กิโลกรัม ขนาดเริ่มต้น รับประทาน 30 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ในเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น รับประทาน 4-6 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม)ต่อวัน รับประทาน 1-2 ครั้ง
ทารกน้ำหนักตัวมากกว่า 2.5 กิโลกรัม และเด็กอายุ 1 เดือน-2 ปี ขนาดเริ่มต้น รับประทาน 45 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ในเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น รับประทาน 10 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน รับประทาน 1-2 ครั้ง
เด็กอายุ 2-5 ปี ขนาดเริ่มต้น รับประทาน 35 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ในเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น รับประทาน 10 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน รับประทาน 1-2 ครั้ง
เด็กอายุ 5-10 ปี ขนาดเริ่มต้น รับประทาน 25 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน สูงสุด 750 ไมโครกรัมต่อวัน แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ในเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น รับประทาน 6 ไมโครกรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ต่อวัน สูงสุด 250 ไมโครกรัมต่อวัน รับประทาน 1-2 ครั้ง
เด็กอายุ 10-18 ปี ขนาดเริ่มต้น รับประทาน 0.75-1.5 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งรับประทาน 3 ครั้ง ในเวลา 24 ชั่วโมง หลังจากนั้น รับประทาน 62.5-750 ไมโครกรัมต่อวัน รับประทาน 1-2 ครั้ง หากผู้ป่วยได้รับยากลุ่มคาร์ดิแอกไกลโคไซด์ (Cardiac Glycoside) ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนหน้า ให้ลดขนาดยาลง
ผู้สูงอายุ: เนื่องจากผู้สูงอายุมีโอกาสสูงที่จะมีการทำงานของไตที่บกพร่อง จึงควรระวังไม่ให้ผู้สูงอายุได้รับยาเกินขนาดและควรปรับยาตามการทำงานของไต โดยอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
*ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
การใช้ยา Digoxin
ก่อนการใช้ยาควรอ่านฉลากวิธีการใช้ยาอย่างละเอียด และหากมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับการใช้ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรให้เข้าใจ
- ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด โดยห้ามใช้ยาในขนาดที่มากหรือน้อยกว่าที่ระบุ และห้ามหยุดใช้ยาด้วยตนเองโดยที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์
- ควรรับประทานยานี้ตอนท้องว่าง ก่อนอาหารอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหรือหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง และควรใช้ยานี้ในเวลาเดียวกันทุกวัน
- ยาชนิดน้ำควรวัดปริมาณด้วยหลอดดูดยาที่เตรียมมาให้ หรือช้อนสำหรับวัดปริมาณยาโดยเฉพาะหรือถ้วยยา หากไม่มีสามารถสอบถามได้จากเภสัชกร
- เนื่องจากยาแต่ละชื่อการค้าจะมีปริมาณของตัวยาสำคัญที่แตกต่างกันไป ซึ่งทำให้ขนาดยาที่ได้รับมีความแตกต่างกัน ดังนั้นควรใช้ยาที่มีชื่อการค้าเดียวกันเสมอ
- เพื่อระวังไม่ให้ใช้ยาเกินขนาด ควรเฝ้าระวังระดับยาในเลือด เกลือแร่ และค่าการทำงานของไต
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยานี้
- ไม่ควรใช้ยาลดกรด ยาแก้ปวด ยาแก้แพ้ ยาแก้ไอหรือแก้หวัด โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ที่ให้การรักษา
- หลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายร้อนจนเกินไป ไม่ให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำจากการดื่มน้ำน้อยหรือการออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เกิดอาการของการใช้ยาเกินขนาดได้ง่าย
- ขณะที่ใช้ยานี้อาจจำเป็นต้องได้รับการตรวจเลือดและตรวจการทำงานของไตอยู่บ่อยครั้ง
- ในกรณีที่ลืมรับประทานยาตามเวลาที่กำหนด ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงเวลารับประทานยาในรอบถัดไปเป็นเวลาไม่เกิน 12 ชั่วโมง ให้ข้ามไปรับประทานยาในรอบถัดไป ไม่ควรเพิ่มปริมาณเป็น 2 เท่า และหากมีอาการที่ผิดปกติเกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์
- ควรเก็บยาไว้ในภาชนะเดิมที่บรรจุมา ปิดภาชนะที่บรรจุให้สนิททุกครั้งหลังใช้ยา และเก็บให้พ้นมือเด็ก
-
ควรเก็บยาไว้ในอุณหภูมิห้อง เก็บให้พ้นจากความร้อน แสงแดด และความชื้น
หากยาหมดอายุให้ทิ้งทันที
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Digoxin
หากผู้ป่วยพบอาการแพ้ยาไดจอกซิน ได้แก่ ลมพิษ หายใจลำบาก หรือใบหน้าบวม ปากบวม ลิ้นบวมหรือคอบวม ควรรีบพบแพทย์โดยเร็ว
ผลข้างเคียงที่เป็นตรายถึงชีวิต คือ ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหัวใจหยุดเต้น เนื่องจากเกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ
หากมีผลข้างเคียงอาการใดอาการหนึ่งดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที
- คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
- เจ็บหน้าอก
- หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ช้าหรือเร็วกว่าปกติ
- ปวดท้อง ไม่สบายท้อง
- อุจจาระปนเลือด หรือสีดำ
- ตามัว หรือมองเห็นสีเหลืองมากขึ้น
- กระสับกระส่าย สับสน ประสาทหลอน หรือมีสภาพจิตใจและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
ผลข้างเคียงจากการใช้ยาไดจอกซินที่พบทั่วไป ได้แก่
- คลื่นไส้
- ท้องเสีย
- รู้สึกอ่อนแอ เวียนศีรษะ
- อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ
- วิตกกังวล ภาวะซีมเศร้า
- เต้านมขยายใหญ่ขึ้นทั้งในเพศชายและหญิง
- มีผื่นคันที่ไม่รุนแรง
นอกจากนั้น อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งหากพบว่ามีความผิดปกติหรือเกิดผลข้างเคียงอื่น ๆ ควรไปแพทย์