Pioglitazone (ไพโอกลิตาโซน)

Pioglitazone (ไพโอกลิตาโซน)

Pioglitazone (ไพโอกลิตาโซน) เป็นยารักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ออกฤทธิ์ด้วยการกระตุ้นให้ร่างกายตอบสนองต่ออินซูลินอย่างเหมาะสม และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เป็นยาที่ใช้ร่วมกับการออกกำลังกายและการรับประทานอาหาร เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

Pioglitazone

เกี่ยวกับยา Pioglitazone

กลุ่มยา ยารักษาโรคเบาหวาน
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ 
สรรพคุณ รักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน


คำเตือนในการใช้ยา Pioglitazone

  • ห้ามใช้ยา Pioglitazone กับผู้ป่วยเด็ก
  • เมื่อเริ่มใช้ยาหรือเมื่อมีการปรับปริมาณยา ผู้ป่วยต้องเฝ้าระวังอาการของภาวะหัวใจวายอย่างใกล้ชิด และห้ามใช้ยาในผู้ป่วยภาวะหัวใจวาย เพราะยา Pioglitazone อาจทำให้อาการแย่ลงหรือเป็นเหตุให้หัวใจวายได้
  • ห้ามหยุดใช้ยา เพิ่มหรือลดปริมาณยา โดยปราศจากคำแนะนำของแพทย์
  • ห้ามขับขี่ยานพาหนะ ใช้เครื่องจักรกล หรือทำกิจกรรมที่ต้องมีสมาธิในขณะใช้ยา จนกว่าจะมั่นใจว่าขณะนั้นผู้ป่วยสามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดต่ำลงอาจเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้
  • ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา Pioglitazone เสมอ เพราะยาอาจทำให้เสี่ยงเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และกระดูกหัก โดยเฉพาะในผู้ป่วยเพศหญิง ซึ่งมักพบอาการกระดูกหักบริเวณแขน มือ หรือเท้า
  • ควรรับประทานอาหารและออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์ รวมถึงตรวจเลือดและวัดระดับน้ำตาลในเลือดตามที่แพทย์กำหนด
  • ควรปรึกษาแพทย์หากจะดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา

นอกจากนั้น ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนใช้ยา หากผู้ป่วยอยู่ในกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่แพ้ยา Pioglitazone มีประวัติแพ้ยาชนิดอื่น ๆ หรือแพ้อาหาร
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานประเภทที่ 1 และโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • ผู้ที่กำลังใช้ยารักษาโรค ยาสมุนไพร และวิตามินชนิดอื่น ๆ
  • ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป เพราะอาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยามากขึ้น
  • ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์ ต้องปรึกษาแพทย์ถึงข้อดีและข้อเสียของยาก่อน
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนถึงผลกระทบของยาที่อาจเกิดขึ้นกับทารก

ปริมาณการใช้ยา Pioglitazone

รักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2

ผู้ใหญ่ รับประทานยาวันละ 15 หรือ 30 มิลลิกรัม หากมีความจำเป็นสามารถเพิ่มปริมาณยาได้ทีละน้อย แต่สูงสุดไม่เกินวันละ 45 มิลลิกรัม

การใช้ยา Pioglitazone

  • ควรอ่านฉลากยาและทำตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยใช้ยาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์กำหนด ไม่หยุดใช้ยาเองแม้มีอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม
  • หากลืมรับประทานยาตามกำหนด และใกล้กับช่วงเวลาในการรับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานยาตามเวลาและปริมาณปกติ ไม่ต้องเพิ่มปริมาณยาเพื่อทดแทนครั้งที่ขาดไป
  • ห้ามเพิ่มปริมาณยาโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ หากผู้ป่วยใช้ยาเกินปริมาณ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ห่างจากความร้อน ความชื้น และไม่ให้ยาสัมผัสแสงโดยตรง รวมถึงปิดฝาให้สนิททุกครั้งหลังใช้ยา เก็บยาให้พ้นมือเด็ก และไม่รับประทานยาที่หมดอายุ

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Pioglitazone

การใช้ยา Pioglitazone มักไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง หรืออาจพบผลข้างเคียงได้เล็กน้อย และควรไปพบแพทย์หากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นรบกวนการใช้ชีวิตหรืออาการไม่ดีขึ้นแม้เวลาผ่านไป เช่น เป็นหวัด เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แน่นท้อง หรือมีลมในกระเพาะอาหาร

นอกจากนี้ ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน หากพบว่ามีอาการอื่น ๆ ดังต่อไปนี้

  • อาการแพ้ยา เช่น มีผื่นแดง คัน บวม พุพอง ผิวลอก อาจมีไข้ร่วมด้วย แน่นหน้าอก แน่นที่ลำคอ หายใจมีเสียงหวีด หายใจลำบาก มีปัญหาในการพูด เสียงแหบ หรือมีอาการบวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ปาก ลิ้น และลำคอ
  • มีอาการของภาวะหัวใจวาย เช่น ขาบวม หายใจลำบาก หอบเหนื่อย น้ำหนักตัวลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
  • ปวดกระดูก
  • มีปัญหาในการมองเห็น
  • เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียมาก
  • รู้สึกปวดขณะปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด หรือปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
  • ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยเฉพาะเมื่อรับประทานยา Pioglitazone ร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานชนิดอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้มีอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม มึนงง มือสั่น หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ หรือมีเหงื่อออก
  • อาการที่บ่งบอกว่าตับมีปัญหาอย่างรุนแรง หรืออาจเป็นอันตรายถึงชีวิต เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะมีสีเข้ม อุจจาระมีสีซีด รวมถึงมีอาการดีซ่านhttps://www.pobpad.com/ดีซ่าน