Riboflavin (ไรโบฟลาวิน)

Riboflavin (ไรโบฟลาวิน)

Riboflavin (ไรโบฟลาวิน) หรือวิตามินบี 2 มีความจำเป็นต่อระบบการทำงานของร่างกาย และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยบำรุงรักษาเนื้อเยื่อของร่างกาย ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันและรักษาการขาดไรโบฟลาวิน รักษาภาวะโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็ก (Microcytic Anaemia) ร่วมกับอาการม้ามโตและขาดกลูตะไธโอนรีดัคเตส หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์

1649 Riboflavin resized

ยา Riboflavin มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ

เกี่ยวกับยา Riboflavin

กลุ่มยา อาหารเสริม
ประเภทยา ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่หาซื้อได้เอง
สรรพคุณ ป้องกันและรักษาการขาดไรโบฟลาวิน รักษาภาวะโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็กซึ่งมีอาการม้ามโตและการขาดกลูตะไธโอนรีดัคเตสร่วมด้วย
กลุ่มผู้ป่วย ผู้ใหญ่
รูปแบบของยา ยารับประทาน

คำเตือนในการใช้ยา Riboflavin

  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้เกี่ยวกับประวัติการเป็นโรคหรือภาวะต่าง ๆ อาการแพ้ และยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา
  • แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี โรคตับแข็ง หรือโรคตับอื่น ๆ
  • ห้ามให้เด็กใช้ยานี้โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
  • สามารถใช้ยา Riboflavin ได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่ปริมาณการใช้ยาอาจแตกต่างกับผู้ป่วยอื่น ๆ และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เสมอ ส่วนการใช้ยา Riboflavin ระหว่างที่ให้นมบุตรนั้น ปริมาณยาอาจจะแตกต่างไปจากผู้ป่วยอื่น ๆ เช่นกัน และไม่ควรใช้ยานี้หากไม่ได้ปรึกษาแพทย์

ปริมาณการใช้ยา Riboflavin

ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้

รักษาการขาดไรโบฟลาวิน
ผู้ใหญ่
รับประทานยาปริมาณไม่เกิน 30 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานหลายครั้ง
เด็ก รับประทานยาปริมาณ 3-10 มิลลิกรัม/วัน

ป้องกันการขาดไรโบฟลาวิน
ผู้ใหญ่
รับประทานยาปริมาณ 1-2 มิลลิกรัม/วัน

รักษาภาวะโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็ก ซึ่งมีอาการม้ามโตและขาดกลูตะไธโอนรีดัคเตสร่วมด้วย
ผู้ใหญ่
รับประทานยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม/วัน เป็นระยะเวลา 10 วัน

การใช้ยา Riboflavin

  • ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
  • การใช้ยา Riboflavin ควรรับประทานยาพร้อมมื้ออาหาร
  • หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
  • หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้กับเวลาที่ต้องใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป และห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
  • เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความร้อนและความชื้น

ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Riboflavin

โดยทั่วไป ยา Riboflavin ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โดยอาจพบว่าปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มหลังใช้ยา ซึ่งโดยปกติไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่การใช้ยา Riboflavin ในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียและปัสสาวะมากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีอาการแพ้ยาอย่างลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม หรือคอบวม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที