Riboflavin (ไรโบฟลาวิน)
Riboflavin (ไรโบฟลาวิน) หรือวิตามินบี 2 มีความจำเป็นต่อระบบการทำงานของร่างกาย และเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยบำรุงรักษาเนื้อเยื่อของร่างกาย ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันและรักษาการขาดไรโบฟลาวิน รักษาภาวะโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็ก (Microcytic Anaemia) ร่วมกับอาการม้ามโตและขาดกลูตะไธโอนรีดัคเตส หรืออาจใช้รักษาโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
ยา Riboflavin มีข้อห้ามใช้และอาจเกิดผลข้างเคียงได้ ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ
เกี่ยวกับยา Riboflavin
กลุ่มยา | อาหารเสริม |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่หาซื้อได้เอง |
สรรพคุณ | ป้องกันและรักษาการขาดไรโบฟลาวิน รักษาภาวะโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็กซึ่งมีอาการม้ามโตและการขาดกลูตะไธโอนรีดัคเตสร่วมด้วย |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
คำเตือนในการใช้ยา Riboflavin
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้เกี่ยวกับประวัติการเป็นโรคหรือภาวะต่าง ๆ อาการแพ้ และยาทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยาหากเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี โรคตับแข็ง หรือโรคตับอื่น ๆ
- ห้ามให้เด็กใช้ยานี้โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
- สามารถใช้ยา Riboflavin ได้ในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่ปริมาณการใช้ยาอาจแตกต่างกับผู้ป่วยอื่น ๆ และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เสมอ ส่วนการใช้ยา Riboflavin ระหว่างที่ให้นมบุตรนั้น ปริมาณยาอาจจะแตกต่างไปจากผู้ป่วยอื่น ๆ เช่นกัน และไม่ควรใช้ยานี้หากไม่ได้ปรึกษาแพทย์
ปริมาณการใช้ยา Riboflavin
ปริมาณและระยะเวลาในการใช้ยาขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา โดยมีตัวอย่างการใช้ยา ดังนี้
รักษาการขาดไรโบฟลาวิน
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณไม่เกิน 30 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานหลายครั้ง
เด็ก รับประทานยาปริมาณ 3-10 มิลลิกรัม/วัน
ป้องกันการขาดไรโบฟลาวิน
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 1-2 มิลลิกรัม/วัน
รักษาภาวะโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็ก ซึ่งมีอาการม้ามโตและขาดกลูตะไธโอนรีดัคเตสร่วมด้วย
ผู้ใหญ่ รับประทานยาปริมาณ 10 มิลลิกรัม/วัน เป็นระยะเวลา 10 วัน
การใช้ยา Riboflavin
- ใช้ยาตามฉลากและตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยไม่ใช้ยานี้ในปริมาณมากกว่า น้อยกว่า หรือติดต่อกันนานกว่าที่แพทย์แนะนำ หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ
- การใช้ยา Riboflavin ควรรับประทานยาพร้อมมื้ออาหาร
- หากสงสัยว่าตนใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่กำหนด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันที
- หากลืมรับประทานยา ให้รับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้กับเวลาที่ต้องใช้ยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปใช้ยารอบต่อไป และห้ามเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
- เก็บยาไว้ที่อุณหภูมิห้อง ให้ห่างจากความร้อนและความชื้น
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Riboflavin
โดยทั่วไป ยา Riboflavin ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โดยอาจพบว่าปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มหลังใช้ยา ซึ่งโดยปกติไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่การใช้ยา Riboflavin ในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้ท้องเสียและปัสสาวะมากกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีอาการแพ้ยาอย่างลมพิษ หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ลิ้นบวม หรือคอบวม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที