Tetracyclines (เตตราไซคลีน)
Tetracyclines (เตตราไซคลีน) คือ กลุ่มยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไปโดยเฉพาะภาวะสิวอักเสบรุนแรงและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ บางกรณีอาจใช้ทดแทนยาเพนิซิลลินหรือยาปฏิชีวนะตัวอื่นในการรักษาภาวะติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง เช่น เชื้อแอนแทรกซ์ (Anthrax) เชื้อคลอสตริเดียม (Clostridium) เชื้อแอคติโนมัยซีส (Actinomyces) เป็นต้น
เกี่ยวกับยา Tetracyclines
กลุ่มยา | ยาปฏิชีวนะ |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | รักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย |
กลุ่มผู้ป่วย | ผู้ใหญ่และเด็ก |
รูปแบบของยา | ยารับประทาน |
คำเตือนของการใช้ยา Tetracyclines
- ควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์และเภสัชกรเสมอ เพราะการใช้ยาเกินปริมาณที่กำหนดหรือใช้โดยไม่จำเป็นจะทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาโรคลดลง
- ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติการแพ้ยา อาหาร หรือสารใด ๆ
- ผู้ที่กำลังใช้ยา สมุนไพร หรืออาหารเสริมใดชนิดก็ตาม ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยไตวายและเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี เพราะอาจทำให้สีฟันของเด็กผิดปกติอย่างถาวรหรือส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต ยกเว้นกรณีที่แพทย์แนะนำให้ใช้
- ไม่ควรใช้ยากับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชนิดนี้หรือยาปฏิชีวนะในกลุ่มใกล้เคียง เช่น เดเมโคลไซคลีน มิโนไซคลีน ด็อกซีไซคลิน
- หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังวางแผนมีบุตรควรปรึกษาแพทย์ถึงประโยชน์และความเสี่ยงจากการใช้ยานี้ก่อนใช้เสมอ เพราะตัวยาอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการด้านกระดูกและสีฟันของเด็กเมื่อโตขึ้น
- หญิงที่ให้นมบุตรห้ามรับประทานยานี้ เพราะยาอาจส่งผ่านทางน้ำนมไปสู่ทารกและกระทบต่อพัฒนาการด้านกระดูกและฟัน
- การรับประทานยาชนิดนี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสงและเสี่ยงเกิดผิวไหม้ได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไป รวมทั้งสวมเสื้อผ้าที่ปกคลุมร่างกายมิดชิดเมื่อต้องเผชิญแสงแดด
- หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้ โดยเฉพาะโรคตับ โรคไต โรคกรดไหลย้อน โรคไส้เลื่อน มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดอาหาร การกลืนอาหาร โรคเอสแอลอี และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ผู้ที่ใช้กำลังใช้ยาคุมกำเนิดควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชทราบ เพราะยาเตตราไซคลีนอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง และอาจต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีการคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมนแทน เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การใส่ห่วงคุมกำเนิด เป็นต้น
- ยานี้อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ระหว่างใช้ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ ทำงานที่ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมเสี่ยงอันตราย รวมถึงจำกัดปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หากต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือฉีดวัคซีน ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้ยานี้อยู่
ปริมาณการใช้ยา Tetracyclines
ปริมาณการใช้ยา Tetracyclines ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นหลัก โดยจะพิจารณาจากอายุ ปัจจัยด้านสุขภาพ สาเหตุ และความรุนแรงในการติดเชื้อของผู้ป่วย
ตัวอย่างปริมาณการใช้ยา
รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียไม่รุนแรง
- ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 250-500 มิลลิกรัม ทุก 6 ชั่วโมง อาจเพิ่มปริมาณยาในกรณีที่ติดเชื้อรุนแรง แต่ต้องไม่เกิน 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน
- เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป รับประทานไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน
รักษาสิว
- ผู้ใหญ่ รับประทาน 250-500 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง หรือแบ่งรับประทานภายใน 1 วัน เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน
- ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 15 วัน
- ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 7 วัน
โรคบรูเซลโลซิส (Brucellosis)
- ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง ร่วมกับยาสเตรปโตมัยซิน (Streptomycin) เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3 สัปดาห์
การใช้ยา Tetracyclines
- ควรใช้ยาภายใต้คำสั่งแพทย์และปฏิบัติตามฉลากยาอย่างเคร่งครัด ไม่ควรปรับปริมาณการใช้ยาด้วยตนเองหรือใช้ติดต่อกันนานกว่าที่กำหนด หากมีข้อสงสัยใด ๆ ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
- ยาเตตราไซคลีนชนิดรับประทาน ควรรับประทานตอนท้องว่าง 1 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร หรือหลังมื้ออาหาร 2 ชั่วโมง และดื่มน้ำตามมาก ๆ หลีกเลี่ยงการรับประทานร่วมกับผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต นม ชีส ไอศกรีม เป็นต้น
- การใช้ยาในเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยปริมาณการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว การตอบสนองต่อการรักษา และปัญหาด้านสุขภาพของเด็ก
- หากใช้ยาลดกรดที่มีส่วนประกอบเป็นอลูมิเนียม แมกนีเซียม แคลเซียม โซเดียมไบคาร์บอเนต รวมทั้งยาระบาย อาหารเสริมประเภทแคลเซียม สังกะสี ธาตุเหล็ก และวิตามินรวม ควรเว้นระยะห่างจากการรับประทานยาเตตราไซคลีน 2-6 ชั่วโมงตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะยาหรืออาหารเสริมเหล่านี้อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของยาชนิดนี้ลดลง
- กรณีที่ลืมรับประทานยา ควรรับประทานทันทีที่นึกได้ หากใกล้ถึงเวลารับประทานยาในรอบถัดไป ให้ข้ามไปครั้งนั้นเลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
- ผู้ป่วยควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องจนครบตามปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์สั่ง และไม่ควรหยุดใช้ยาแม้ว่าจะมีอาการดีขึ้น เพื่อช่วยให้หายขาดจากโรคและป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Tetracyclines
การใช้ยาเตตราไซคลีนอาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยบางราย หากมีอาการอย่างต่อเนื่องหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันควรไปพบแพทย์ ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดท้อง ท้องเสีย
- เบื่ออาหาร
- เกิดแผลหรือคราบสีขาวภายในช่องปากและบริเวณริมฝีปาก
- มีปัญหาในการกลืนอาหาร
- ลิ้นบวม ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีดำ หรือมีขนสีดำบาง ๆ ขึ้น
- มีอาการบวมบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก รวมทั้งอาจเกิดแผล มีอาการคัน หรือมีตกขาว
หากพบผลข้างเคียงรุนแรงดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- มีอาการแพ้รุนแรง ได้แก่ ลมพิษ หายใจลำบาก ปาก ริมฝีปาก ลิ้น คอ หรือหน้าบวม
- มีผื่นแดงตามผิวหนัง ผิวลอก หรือเกิดแผลอักเสบรุนแรง
- ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือซีด ฟกช้ำและมีเลือดออกง่าย
- มีสัญญาณของการติดเชื้อชนิดใหม่ เช่น เป็นไข้ หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นต้น
นอกจากนี้ อาจมีอาการข้างเคียงอื่น ๆ นอกเหนือจากข้างต้นเกิดขึ้นได้ หากผู้ป่วยพบความผิดปกติใด ๆ ควรรีบแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบทันที