ความหมาย ภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด (Varicocele)
Varicocele หรือภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำในถุงอัณฑะบวมหรือขยายตัวขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้อัณฑะผลิตอสุจิได้น้อยและอสุจิมีคุณภาพต่ำลง และอาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากหรือส่งผลให้ลูกอัณฑะหดตัวลง ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจมีอาการที่ค่อย ๆ ดีขึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องรับการรักษา แต่หากอาการยังคงอยู่ ผู้ป่วยอาจเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดได้
อาการของภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
ผู้ป่วย Varicocele มักไม่มีอาการใด ๆ จึงทำให้บางคนอาจไม่ทราบว่าตนมีความผิดปกตินี้จนกว่าจะได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ อย่างไรก็ตาม ในคนที่มีอาการอาจสังเกตพบความผิดปกติได้ ดังนี้
- มีก้อนบวมที่อัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง และอัณฑะข้างหนึ่งอาจมีขนาดเล็กกว่าอีกข้างหนึ่ง
- หลอดเลือดดำบริเวณถุงอัณฑะขยายตัว บิดตัว หรือมีลักษณะคล้ายตัวหนอน
- ถุงอัณฑะบวม หรือมีอาการปวดตื้อ ๆ อยู่ภายใน
- เจ็บมากขึ้นเมื่อนั่ง ยืน หรือออกกำลังกายเป็นเวลานาน ๆ แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อเอนตัวนอน
- มีอาการแย่ลงในระหว่างวัน
ภาวะ Varicocele มักพบบ่อยในถุงอัณฑะด้านซ้าย เนื่องจากโครงสร้างและการวางตัวของหลอดเลือดในอัณฑะแต่ละข้างมีลักษณะต่างกัน โดยอัณฑะด้านซ้ายนั้นเอื้อต่อการเกิด Varicocele มากกว่าอัณฑะด้านขวา แต่บางรายก็อาจเกิดหลอดเลือดดำขอดได้ในอัณฑะทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน แม้จะพบได้น้อยกว่าก็ตาม
สาเหตุของภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
ปัจจุบันแพทย์ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดภาวะนี้ แต่คาดว่าอาจเกิดจากลิ้นในหลอดเลือดดำ ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงเลือดให้ไหลไปในทิศทางเดียว เกิดความผิดปกติจนทำงานได้ไม่ดี จึงทำให้เลือดไม่ไหลเวียนไปในทิศทางปกติและไปรวมกันอยู่ที่หลอดเลือดดำบริเวณอัณฑะ ส่งผลให้หลอดเลือดดำบริเวณดังกล่าวขยายตัว โดยภาวะนี้พบมากในผู้ที่มีอายุ 15-25 ปี นอกจากนี้ ผู้ป่วยสูงอายุที่มีเนื้องอกในไตเกิดขึ้นฉับพลันก็อาจเสี่ยงเกิดภาวะ Varicocele ได้ เนื่องจากเนื้องอกไปปิดกั้นเลือดที่ไหลไปยังหลอดเลือดดำ
การวินิจฉัยภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
แพทย์จะตรวจร่างกายโดยคลำบริเวณอัณฑะเพื่อดูว่ามีก้อนเนื้อหรือหลอดเลือดดำที่ผิดปกติหรือไม่ หากยังไม่พบความผิดปกติใด ๆ แพทย์อาจให้ผู้ป่วยยืนขึ้น กลั้นหายใจ และเบ่งลมไปที่ท้อง โดยวิธีนี้จะช่วยให้เห็นการขยายตัวของหลอดเลือดดำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น จากนั้น แพทย์อาจอัลตราซาวด์ถุงอัณฑะเพิ่มเติม เพื่อตรวจหาความผิดปกติภายในโครงสร้างด้านในของอัณฑะและบริเวณโดยรอบ ทั้งนี้ แพทย์จะกำหนดระดับขนาดของก้อนหลอดเลือดดำอัณฑะขอดประกอบการวินิจฉัยด้วย โดยระดับ 1 จะมีขนาดเล็กที่สุด และระดับ 3 จะมีขนาดใหญ่ที่สุด
การรักษาภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
ผู้ป่วย Varicocele อาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่หากมีอาการปวด อัณฑะฝ่อ หรือเกิดภาวะมีบุตรยาก ในเบื้องต้นแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาแก้ปวดและให้สวมกางเกงในที่รองรับอัณฑะเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด นอกจากนี้ อาจให้ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดหากมีอาการเจ็บหรือเกิดภาวะมีบุตรยากที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา โดยแพทย์จะผ่าตัดรักษาหลอดเลือดดำบริเวณอัณฑะ เพื่อเปลี่ยนเส้นทางให้เลือดไหลเวียนไปในทิศทางที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ แพทย์อาจแนะนำวิธีการผ่าตัดต่าง ๆ โดยพิจารณาตามความเหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของ Varicocele หรือภาวะสุขภาพของผู้ป่วยด้วย เช่น การผ่าตัดแบบเปิด ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือแพทย์ในการผ่าตัดที่ถุงอัณฑะโดยตรง เพื่อแก้ไขความผิดปกติของหลอดเลือดในบริเวณดังกล่าว และการผ่าตัดส่องกล้อง โดยแพทย์อาจวางยาสลบผู้ป่วยแล้วเจาะรูเล็ก ๆ ตรงช่องท้องเพื่อสอดกล้องและส่งเครื่องมือแพทย์เข้าไปผ่าตัดผ่านทางช่องท้อง รวมถึงการรักษาด้วยวิธีอุดกั้นหลอดเลือด ซึ่งแพทย์จะสอดบอลลูนหรือขดลวดเข้าไปในหลอดเลือดดำอัณฑะที่ขอด เพื่อยับยั้งการไหลของเลือด ส่งผลให้หลอดเลือดยุบตัวลง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยอาจกลับมาเป็นซ้ำและอาจเกิดการติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดได้ ส่วนบอลลูนหรือขดลวดภายในหลอดเลือดก็อาจเคลื่อนตัวได้เช่นกัน
สำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัด อาจกลับไปทำงานได้หลังการผ่าตัด 1-2 วัน แต่ควรงดออกกำลังกายประมาณ 2 สัปดาห์ หากมีอาการเจ็บปวดหลังผ่าตัด แพทย์อาจแนะนำให้รับประทานยาพาราเซตามอลหรือยาไอบูโพรเฟน เพื่อบรรเทาอาการที่เกิดขึ้น ส่วนผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษาภาวะมีบุตรยาก แพทย์จะนัดดูอาการใน 3-4 เดือน เพื่อดูการเจริญเติบโตของอสุจิ โดยอาจเห็นความเปลี่ยนแปลงใน 6-12 เดือนถัดไป ซึ่งวิธีรักษาเหล่านี้ช่วยให้ผู้ป่วยภาวะมีบุตรยากเกือบครึ่งหนึ่งมีอาการดีขึ้นได้
ภาวะแทรกซ้อนของภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
Varicocele อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ดังนี้
- อัณฑะฝ่อ Varicocele อาจทำให้อัณฑะฝ่อและนิ่มลง แม้สาเหตุของการฝ่อจะยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากการทำงานผิดปกติของลิ้นในหลอดเลือดดำ ทำให้เลือดไหลย้อนกลับเข้าไปในหลอดเลือดดำ หรือมีเลือดเข้าไปในหลอดเลือดดำแล้วแต่ไหลไปต่อไม่ได้ จึงส่งผลให้ความดันในหลอดเลือดดำสูงและเพิ่มความเสี่ยงในการสัมผัสกับสารพิษที่มากับเลือด อัณฑะจึงอาจถูกทำลายได้มากขึ้นด้วย
- ภาวะมีบุตรยาก Varicocele อาจทำให้บริเวณรอบ ๆ อัณฑะมีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการผลิตอสุจิ การเคลื่อนไหวของอสุจิ และคุณภาพของตัวอสุจิด้วย
- ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น การเกิดลิ่มเลือด การติดเชื้อ การบาดเจ็บที่ถุงอัณฑะหรือหลอดเลือดในบริเวณใกล้เคียง เป็นต้น
การป้องกันภาวะหลอดเลือดดำอัณฑะขอด
เนื่องจากยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิด Varicocele ได้ ทำให้ยังไม่มีวิธีป้องกันที่แน่นอน และภาวะนี้มักไม่มีอาการแสดงให้เห็นในช่วงแรก ดังนั้น อาจลดความเสี่ยงได้โดยหมั่นสังเกตอาการที่เกิดขึ้นกับตนเองและเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีเสมอ เพื่อให้ทราบถึงความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น และหากมีอาการที่สงสัยว่าอาจเกิดจากภาวะนี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ