ครีมหน้าขาว รู้เท่าทันสารอันตรายก่อนหน้าพัง

ครีมหน้าขาวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่สาว ๆ ที่ต้องการลดเลือนจุดด่างดำบนผิว หรือต้องการปรับสีผิวให้ขาวใสขึ้นตามกระแสนิยม ครีมหน้าขาวที่มีวางขายทั่วไปตามท้องตลาดประกอบด้วยส่วนผสมที่แตกต่างกัน ครีมบางตัวอาจมีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ แต่ก็มีอีกหลายชนิดที่ผสมสารที่เป็นอันตรายต่อผิวเช่นกัน

ครีมหน้าขาวได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในประเทศแถบทวีปเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะประเทศไทย โดยจะช่วยลดปริมาณเม็ดสีในชั้นผิวหนัง และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ครีมหน้าขาวบางตัวอาจผสมสารอันตรายอย่างไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) สเตียรอยด์ชนิดใช้ภายนอก (Topical Steroids) และสารปรอท ซึ่งสารอันตรายเหล่านี้ส่งผลเสียอย่างไรต่อผิว และเราจะมีวิธีเลือกครีมหน้าขาวอย่างไรให้ปลอดภัยต่อผิว หาคำตอบได้ในบทความนี้

2629-ครีมหน้าขาว

หลักการทำงานของครีมหน้าขาว

โดยปกติแล้ว ผิวหนังของคนเราจะมีสารสำคัญที่ทำให้เกิดสีผิว เรียกว่า เมลานิน (Melanin) โดยสร้างขึ้นจากเซลล์ผิวหนังเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งแต่ละคนจะมีปริมาณเมลานินในผิวหนังต่างกัน ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน และการเผชิญกับแสงแดด โดยปัจจัยเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเมลานินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำลง ครีมหน้าขาวจึงถูกนำมาใช้เพื่อลดปริมาณเมลานินและปรับให้สีผิวดูขาวขึ้น 

ทั้งนี้ ส่วนประกอบในครีมหน้าขาวอาจมีทั้งสารสกัดจากธรรมชาติที่มักไม่ทำให้ผิวเกิดอาการแพ้หรือระคายเคือง อย่างวิตามินซี เบต้า แคโรทีน (Beta Carotene) สารสกัดจากรากชะเอมเทศ (Licorice Extract) และสารสกัดจากทับทิม ไปจนถึงสารที่เป็นอันตรายต่อผิวและเป็นสารต้องห้าม อย่างไฮโดรควิโนนและคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid) การใช้ครีมหน้าขาวที่ประกอบด้วยสารอันตรายเหล่านี้ จำเป็นต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เพื่อรักษาโรคผิวหนังโดยเฉพาะเท่านั้น

สารอันตรายในครีมหน้าขาวที่ควรเลี่ยง

สารอันตรายในครีมหน้าขาวหลายชนิดสามารถออกฤทธิ์ทำลายผิวหนังและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากใช้ในปริมาณมากหรือใช้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้อยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ โดยตัวอย่างสารอันตรายที่มักพบในครีมหน้าขาว ได้แก่

ไฮโดรควิโนน

ไฮโดรควิโนนเป็นสารที่มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว จึงมักนำมาใช้เพื่อรักษาปัญหาผิวที่มีสีเข้มกว่าผิวหนังบริเวณอื่น เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำตามวัย (Age Spots) และรอยสิว ผู้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนบางรายอาจรู้สึกแสบร้อนหรือระคายผิว แต่หากใช้ต่อเนื่องในระยะยาวอาจทำให้เกิดฝ้าถาวร (Exogenous Ochronosis) และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง

ในประเทศไทย ไฮโดรควิโนนจัดเป็นยาทาภายนอกเพื่อการรักษาทางการแพทย์ และได้ถูกสั่งห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในผลิตภัณฑ์รักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2% นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน เนื่องจากอาจดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและเป็นอันตรายต่อบุตร

สารปรอท

สารปรอทเป็นสารที่มีราคาถูก นิยมนำมาใส่ในครีมหน้าขาวเพื่อลดรอยดำบนผิวหนัง ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้สีผิวขาวขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารปรอทอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ผิวเปลี่ยนสี ผิวบางลง เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ไตและระบบประสาทถูกทำลาย ทั้งนี้ สารปรอทเป็นสารอันตรายที่ห้ามวางจำหน่ายในหลายประเทศ รวมถึงในประเทศไทยที่ประกาศเป็นสารห้ามใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2551 

สเตียรอยด์

สเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอก อย่างไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) มีคุณสมบัติชะลอการผลัดเซลล์ผิวทำให้สีผิวขาวขึ้น จึงมักนำมาใช้ในการรักษาโรคผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic Dermatitis) เป็นต้น  

อย่างไรก็ตาม การใช้สเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงและเป็นเวลานานติดต่อกันอาจทำให้เกิดอาการแพ้ แสบร้อน ผิวบางลง และทำให้เกิดสิวสเตียรอยด์ได้ จึงควรใช้ตามคำแนะนำของแพทย์ นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่มีความเข้มข้นของสเตียรอยด์สูง หากจำเป็นต้องใช้ยาควรเลือกชนิดที่มีความเข้มข้นต่ำถึงปานกลาง และใช้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น

การใช้ครีมหน้าขาวให้ปลอดภัยต่อผิว ควรใช้ตามที่แพทย์สั่งและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่ควรซื้อครีมหน้าขาวมาใช้เอง เพราะนอกจากจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังแล้ว ยังอาจเป็นส่งผลเสียต่อการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายได้

การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอย่างปลอดภัย

ก่อนการเลือกซื้อครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขาวใด ๆ ควรอ่านฉลากบนบรรจุภัณฑ์อย่างละเอียด ไม่ควรใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนน สารปรอท และสเตียรอยด์ หากผลิตภัณฑ์ไม่แสดงรายละเอียดของส่วนประกอบ ไม่แสดงชื่อผู้ผลิต หรือวันเดือนปีที่ผลิต ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ในกรณีที่สงสัยว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่หรือที่ต้องการซื้อมีสารอันตรายผสมอยู่หรือไม่ สามารถตรวจสอบรายชื่อเครื่องสำอางตามประกาศของสำนักควบคุมเครื่องสำอางและวัตถุอันตรายได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th ขององค์การอาหารและยา (อย.)

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง อย่างฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ โดยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peeling) การขัดกรอผิวด้วยผลึกแร่ (Microdermabrasion) เพื่อขจัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นเซลล์ที่ตายแล้วออกไป หรือการทำเลเซอร์ (Laser Treatment) ที่เหมาะสมกับสภาพผิว

การใช้ครีมบำรุงผิวหรือผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวเป็นเพียงหนึ่งในวิธีแก้ไขปัญหาผิวคล้ำให้ขาวขึ้น แต่หากต้องการให้ผิวขาวใสและมีสุขภาพดี การดูแลผิวเป็นประจำด้วยวิธีอื่น ๆ ร่วมด้วยถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะการทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวคล้ำเสียจากรังสียูวี หากมีอาการแพ้หรืออาการผิดปกติหลังการใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี