เบต้ากลูแคน (Beta Glucan) อาจไม่ใช่ชื่อเรียกที่คุ้นหูใครหลายคน แต่จริง ๆ แล้ว เบต้ากลูแคนเป็นสารอาหารประเภทใยอาหารชนิดละลายน้ำที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับการสร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกันเพื่อต้านทานต่อโรค ชะลอความเสื่อมและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่หรือคนทำงานที่มีไลฟ์สไตล์อันเร่งรีบหรือมีความเครียดสะสม
โดยทั่วไป เบต้ากลูแคนจะถูกสกัดมาจากผนังเซลล์ของยีสต์ เห็ดรา หรือพืชบางชนิดอย่างธัญพืชและรำข้าว แม้ประโยชน์ส่วนมากของเบต้ากลูแคนจะชี้ไปที่การป้องกันโรคหัวใจหรือภาวะคอเลสเตอรอลสูง แต่มีงานวิจัยบางส่วนพบว่า เบต้ากลูแคนมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิต้านทานของคนเราเช่นกัน โดยเฉพาะเบต้ากลูแคนที่สกัดจากยีสต์ สารอาหารดังกล่าวจึงถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อดูแลสุขภาพ อีกทั้งยังมีนำเบต้ากลูแคนมาศึกษาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาเสริมของโรคมะเร็งด้วย
เบต้ากลูแคน มีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างไร ?
ก่อนอื่น เราควรทำความเข้าใจกลไกของระบบภูมิคุ้มกันสักเล็กน้อย ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายนั้นเปรียบเสมือนเมืองหน้าด่านของร่างกาย เมื่อใดที่สิ่งแปลกปลอมอย่างสารหรือเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์จากภายใน ภูมิคุ้มกันของเราจะสร้างโปรตีนชนิดพิเศษที่เรียกว่า แอนติบอดี (Antibody) ขึ้นมาต่อสู้กับการติดเชื้อหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น และคงอยู่ในร่างกายเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อครั้งถัดไป ยิ่งหากเรามีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ สิ่งแปลกปลอมก็จะเข้ามาได้ง่าย อาการป่วยเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง รวมถึงร่างกายยังฟื้นตัวหรือหายดีได้ช้าลง
ใช่ว่าทุกคนจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีอยู่เป็นประจำ การเสริมภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ในด้านนี้อย่างเบต้ากลูแคน จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองมากนัก เนื่องจากเบต้ากลูแคนส่งผลต่อการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน จากงานวิจัยส่วนหนึ่งชี้ให้ว่า เบต้ากลูแคนมีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
อีกทั้งยังมีการทดลองโดยให้ผู้หญิงที่มีสุขภาพดีบริโภคอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของเบต้ากลูแคนจากยีสต์ในปริมาณ 250 กรัม ติดต่อกันนาน 12 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า อาการจากโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบนอย่างไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่บรรเทาลง จึงอาจใช้เป็นแนวทางในการเสริมภูมิคุ้มกันได้
นอกจากนี้ การศึกษาในผู้ป่วยหญิงที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม หลังบริโภคเบต้ากลูแคนจากยีสต์ปริมาณ 10 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 21 วันพบว่า เบต้ากลูแคนชนิดนี้มีคุณสมบัติต้านทานมะเร็งที่เกี่ยวเนื่องกับการกระตุ้นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งนำมาใช้เป็นทางเลือกเสริมหรือช่วยปรับภูมิคุ้มกันระหว่างการรักษาโรคมะเร็งทางหลักได้ แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาที่เจาะลึกระหว่างเบต้ากลูแคนกับโรคมะเร็งเพิ่มเติมในอนาคต
จากคุณสมบัติดังกล่าว เบต้ากลูแคนอาจนำไปต่อยอดด้านการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้ม อย่างการติดเชื้อหรือโรคมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคที่สนใจเบต้ากลูแคนควรรอการค้นคว้าวิจัยในคนกลุ่มใหญ่และในระยะยาวเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากยิ่งขึ้น
เบต้ากลูแคนหาได้ไม่ยาก
จริง ๆ แล้ว เบต้ากลูแคนเป็นสารอาหารที่พบได้ในธรรมชาติ โดยเฉพาะในอาหารที่เรารับประทานกันในแต่ละมื้อ ไม่ว่าจะเป็นธัญพืช ข้าวโอ๊ต รำข้าว ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ รวมไปถึงเห็ดรับประทานได้บางชนิด หากผู้บริโภคไม่ได้รับประทานอาหารเหล่านี้เป็นประจำ ไม่มีเวลามากพอในการประกอบอาหาร หรือด้วยไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ สามารถเลือกรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเบต้ากลูแคนได้ แต่ควรเลือกยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือและผ่านมาตรฐานรับรองความปลอดภัยเสมอ
ในการดูแลสุขภาพและระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงจะพึ่งพาเพียงเบต้ากลูแคนก็คงไม่ได้ แต่ควรรับประทานสารอาหารและวิตามินอื่น ๆ ที่ดีต่อภูมิคุ้มกันร่วมด้วย เพราะจะช่วยให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อาทิ
- วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวและกระบวนการกำจัดเชื้อโรค มีส่วนช่วยในการพัฒนาและการเจริญเติบโตของร่างกาย บำรุงผิวหนังและกระดูก และช่วยในการสมานแผล
- วิตามินดี (Vitamin D) จะช่วยในการดูดซึมแคลเซียมซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นในกระบวนการสร้างกระดูก ฟัน และกล้ามเนื้อ รวมทั้งมีส่วนช่วยเสริมการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งการขาดวิตามินดีพบว่ามีความเสี่ยงต่อโรคภูมิต้านทานตนเองและไวต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
- วิตามินอี (Vitamin E) มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อและการเจ็บป่วย บำรุงผิวพรรณและดวงตา อีกทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระเช่นเดียวกันกับวิตามินซี
- น้ำมันปลา เป็นไขมันหรือน้ำมันที่สกัดมาจากปลาอย่างปลาทูน่าหรือปลาแมคเคอเรล อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นกรดไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ลดการอักเสบของร่างกาย ช่วยบำรุงสายตา ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ และอาจใช้เป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันโรคมะเร็ง
สารอาหารที่กล่าวมาข้างต้นล้วนให้ผลดีต่อภูมิต้านทานและระบบการทำงานอื่น ๆ ที่สำคัญกับผู้ใหญ่วัยทำงานไม่แพ้กัน การรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเบต้ากลูแคนควบคู่กับวิตามินที่มีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างวิตามินซี วิตามินดี หรือวิตามินอี และน้ำมันปลา จึงน่าจะเป็นทางเลือกในการสร้างเสริมภูมิต้านทานที่ดีกว่าการรับประทานสารอาหารเพียงชนิดเดียว
ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบางยี่ห้อจึงได้นำเบต้ากลูแคนและวิตามินต่าง ๆ รวมไว้ด้วยกัน เพราะบางคนอาจไม่สะดวกในการซื้ออาหารเสริมหลายกระปุกในครั้งเดียว อีกทั้งยังช่วยให้รับประทานได้อย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง โดยปริมาณที่ทดสอบและแนะนำให้รับประทานเบต้ากลูแคนในแต่ละวัน เพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 100–500 มิลลิกรัม แตกต่างกันไปตามชนิดของเบต้ากลูแคน
ข้อควรระวังในการรับประทานเบต้ากลูแคน
การรับประทานเบต้ากลูแคนค่อนข้างปลอดภัยต่อร่างกาย แต่เพราะยังไม่มีการวิจัยที่รับรองความปลอดภัยในระยะยาว ผู้บริโภคจึงควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงการเกิดผลข้างเคียงจากเบต้ากลูแคน สำหรับผู้ที่อยู่ในภาวะต่อไปนี้ควรระมัดระวังในการบริโภคผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีส่วนผสมของเบต้ากลูแคนและสารอาหารอื่น ๆ เป็นพิเศษ
- เบต้ากลูแคนไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
- ผู้ที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลาไม่ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เบต้ากลูแคนสูตรผสมน้ำมันปลา
- ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาคุมกำเนิด และยารักษาโรคอ้วนบางชนิดควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเบต้ากลูแคนสูตรผสมน้ำมันปลา เพราะอาจส่งผลให้ยามีประสิทธิภาพลดลง
- สตรีมีครรภ์และผู้ให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนการรับประทาน เพราะยังไม่มีงานวิจัยที่รับรองความปลอดภัยของการใช้เบต้ากลูแคนขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือผู้ป่วยโรคเอดส์ในระยะเริ่มแสดงอาการที่รับประทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์อาจส่งผลให้ฝ่ามือและฝ่าเท้าหนา แต่อาจหายไปได้หลังหยุดใช้เบต้ากลูแคนประมาณ 2–4 สัปดาห์
- ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเบต้ากลูแคน เพราะเบต้ากลูแคนจะไปกระตุ้นภูมิต้านทานร่างกาย จึงอาจทำให้ตัวยามีประสิทธิภาพลดลง เช่น ยาอะซาไธโอพรีน (Azathioprine) ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine) ยาเพรดนิโซน (Prednisone) เป็นต้น
สุดท้ายนี้ แม้จะมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของเบต้ากลูแคนต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย แต่การเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโดยเริ่มต้นที่ตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยไป ไม่ว่าจะเป็นพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมตัวเอง ก็ช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ดีได้อย่างยั่งยืนแล้ว