น้ำร้อนลวก

ความหมาย น้ำร้อนลวก

น้ำร้อนลวก เป็นอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดแผลน้ำร้อนลวก ซึ่งเป็นแผลบาดเจ็บจากการถูกน้ำหรือไอน้ำที่มีความร้อนสูงสัมผัสผิวหนัง อาจทำให้ผิวแดง บวม ลอก หรือพุพอง โดยสามารถรักษาได้เองในเบื้องต้น แต่ในรายที่มีอาการรุนแรงก็อาจต้องไปพบแพทย์

Scald

อาการของน้ำร้อนลวก

แผลน้ำร้อนลวกอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดที่ผิวหนัง และส่งผลให้ผิวหนังแดง ลอก เปลี่ยนเป็นสีซีด ผิวเปื่อย หรือมีอาการบวมแดง โดยแบ่งความรุนแรงเป็น 3 ระดับ ตั้งแต่แผลตื้นที่อยู่ในระดับชั้นหนังกำพร้าที่เป็นผิวชั้นนอกสุด ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังแดง บวมเล็กน้อย และรู้สึกเจ็บ แต่ไม่เกิดแผลพุพอง หรือแผลตื้นที่อยู่ในระดับชั้นหนังแท้ ซึ่งเป็นแผลที่สร้างความเสียหายตั้งแต่ชั้นหนังกำพร้าลึกไปถึงชั้นหนังแท้ที่อยู่ถัดไป และอาจทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพูซีด มีอาการปวด และอาจมีแผลพุพองขนาดเล็ก ส่วนแผลที่ค่อนข้างลึก จะเป็นแผลที่สร้างความเสียหายต่อทั้งชั้นหนังแท้และชั้นหนังกำพร้า ซึ่งทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีแดงและมีลักษณะเป็นดวง ผิวหนังอาจบวม เป็นแผลพุพอง และทำให้มีอาการปวดอย่างมาก

สาเหตุของน้ำร้อนลวก

แผลน้ำร้อนลวกมักเป็นผลมาจากอุบัติเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุบัติเหตุในห้องครัว เกิดขึ้นกับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อเด็กเอื้อมหรือเขย่งตัวไปหยิบถ้วยหรือแก้วใส่เครื่องดื่มร้อน รวมทั้งอาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น

  • อุบัติเหตุจากการสัมผัสไอของเตาอบหรือเตาไมโครเวฟ
  • สัมผัสกาต้มน้ำ ไอน้ำหม้อหุงข้าว หรือเครื่องทำความร้อนใด ๆ โดยไม่ตั้งใจ
  • อยู่ในธุรกิจร้านอาหาร โดยเฉพาะในห้องครัว ซึ่งต้องใช้น้ำร้อนลวกทำความสะอาดอุปกรณ์ประกอบอาหารต่าง ๆ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

การวินิจฉัยน้ำร้อนลวก

แพทย์สามารถวินิจฉัยอาการนี้ได้จากประวัติการสัมผัสน้ำหรือไอน้ำที่มีความร้อน และจะตรวจบริเวณแผล ตรวจสอบขนาดและความลึกของแผล เพื่อพิจารณาแนวทางในการรักษา ซึ่งหากอาการไม่รุนแรง ผู้ป่วยมักไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงอย่างแผลขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ เกิดแผลพุพอง หรือต้องการรับการรักษาจากแพทย์ ผู้ป่วยก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

การรักษาน้ำร้อนลวก

ส่วนใหญ่แผลจากน้ำร้อนลวกมักไม่รุนแรงและรักษาได้ด้วยตนเอง โดยแผลน้ำร้อนลวกนั้นอาจต้องใช้เวลาสักพักจึงจะหายดี ซึ่งในรายที่มีอาการไม่รุนแรงอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ในรายที่มีอาการรุนแรงมากอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์แผลจึงจะหายสนิท

โดยวิธีการรักษาและดูแลตนเองในเบื้องต้น ทำได้ดังนี้

  • รีบนำอวัยวะที่ถูกน้ำร้อนลวกออกมาให้ห่างจากน้ำร้อนหรือบริเวณที่ทำให้เกิดแผลน้ำร้อนลวกโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บเพิ่มเติม
  • ใช้น้ำเย็นล้างบริเวณที่เป็นแผลน้ำร้อนลวกอย่างน้อย 20 นาที แต่ห้ามใช้น้ำแข็ง น้ำใส่น้ำแข็ง หรือสารที่เป็นน้ำมันล้างแผลเป็นอันขาด และในระหว่างนั้นต้องพยายามให้ร่างกายของผู้ป่วยอุ่น เพื่อให้อุณหภูมิร่างกายเป็นปกติ
  • ห้ามแช่ตัวในน้ำเย็นหากถูกน้ำร้อนลวกเป็นบริเวณกว้าง เพราะอาจทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนและเกิดอาการอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้นตามมาได้
  • ถอดเครื่องประดับและเสื้อผ้าที่อยู่ใกล้กับผิวหนังบริเวณที่ถูกน้ำร้อนลวกออก เพื่อลดอุณหภูมิของผิวหนัง และให้มีพื้นที่ในกรณีที่มีอาการบวม
  • นำผ้าพันแผลหรือผ้าสะอาดปิดแผลเอาไว้
  • หากเป็นไปได้ ควรยกบาดแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกให้อยู่เหนือระดับหัวใจ
  • หากมีแผลพุพอง ห้ามแกะแผลนั้นเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยมีแผลขนาดใหญ่ หรือสงสัยว่ามีอาการติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที โดยในเบื้องต้นแพทย์จะทำความสะอาดแผลและปิดแผลไว้ ซึ่งบางรายแพทย์อาจให้ใช้ยาเพื่อระงับอาการปวดด้วย เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน เป็นต้น แต่หากพบอาการอื่น ๆ เพิ่มเติม แพทย์จะพิจารณารักษาตามอาการต่อไป

ภาวะแทรกซ้อนของน้ำร้อนลวก

อาการผิวไหม้จากการถูกน้ำร้อนลวกอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น

  • การติดเชื้อ หากแผลน้ำร้อนลวกพุพองและแตกออกแล้วผู้ป่วยรักษาความสะอาดได้ไม่ดีพอ อาจทำให้มีเชื้อโรคเข้าไปในแผลจนทำให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งอาจมีอาการบางอย่างที่เป็นสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น เจ็บแผลมากขึ้น แผลมีกลิ่นเหม็น มีไข้สูงตั้งแต่ 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป ผิวหนังบวมแดง เป็นต้น
  • แผลเป็น อาจเกิดแผลเป็นหลังแผลหายดีแล้ว ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการทาครีมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว หรือใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันรังสียูวีสูงเพื่อปกป้องผิวบริเวณที่เกิดแผล

การป้องกันน้ำร้อนลวก

น้ำร้อนลวกเป็นเหตุการณ์ที่ป้องกันได้ไม่ยาก เพียงระมัดระวังให้มากขึ้นขณะประกอบอาหารหรือต้มน้ำร้อน โดยเฉพาะเมื่อมีเด็กอยู่ใกล้ ๆ โดยวิธีต่อไปนี้อาจเป็นแนวทางแนะนำที่พอช่วยได้

  • ก่อนให้เด็กอาบน้ำร้อน ควรตรวจสอบอุณหภูมิน้ำด้วยมือหรือข้อศอกของตนเองก่อนว่าน้ำอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมหรือไม่ และควรเริ่มจากเติมน้ำเย็นลงไปก่อนแล้วค่อยตามด้วยน้ำร้อน
  • คอยดูแลไม่ให้เด็กอยู่ใกล้กับอ่างและก๊อกน้ำร้อน
  • ตั้งอุณหภูมิน้ำร้อนที่ใช้อาบไม่ให้ร้อนเกินไป
  • วางของเหลวที่มีความร้อนสูงไว้ให้ห่างจากเด็ก และคอยระมัดระวังให้เด็กเล็กอยู่ห่างจากห้องครัว
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ เมื่อมีทารกหรือเด็กเล็กอยู่ใกล้ ๆ
  • อย่าให้เด็กเล็กใช้หลอดดูดเครื่องดื่มที่ร้อน
  • เมื่อเด็กโตพอในระดับหนึ่งแล้ว ควรสอนให้เด็กรู้วิธีใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ในห้องครัวอย่างถูกต้อง
  • ไม่รีบร้อนขณะทำอาหาร ให้ค่อย ๆ ทำ เพื่อป้องกันน้ำร้อนกระเด็นหรือการเกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ หากน้ำในหม้อเดือดแล้ว ให้ย้ายหม้อไปยังเตาด้านในสุดด้วย