ผิวมันสามารถส่งผลต่อความมั่นใจของใครหลายคน เนื่องจากคนที่มีสภาพผิวมันตามธรรมชาติเมื่อต้องมาเจอกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทย อาจทำให้ผิวมันเยิ้มยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมอาจเพิ่มความเสี่ยงของปัญหาผิวอย่างอื่นตามมาได้อีก
นอกจากต้องรับมือกับความมันบนผิวหนังแล้ว คนที่มีสภาพผิวมันยังเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดสิวบางชนิดอีกด้วย การเข้าใจสภาพผิวของตนเองและดูแลผิวอย่างถูกวิธีอาจช่วยลดปัญหาเหล่านั้นได้ มาดูกันว่าสภาพผิวมันลักษณะเป็นอย่างไร อะไรเป็นสาเหตุของผิวมัน แล้ววิธีดูแลผิวมันจะต่างกับสภาพผิวแบบอื่นอย่างไรบ้าง
ทำความเข้าใจลักษณะและสาเหตุของผิวมัน
ผิวมันพบได้หลายแบบ บางคนจะมีผิวมันเฉพาะทีโซน (T-Zone) หรือบริเวณหน้าผาก จมูก ไล่ลงมาที่คาง ส่วนบางคนก็อาจมีผิวมันเสมอทั่วทั้งใบหน้าและร่างกาย ซึ่งการรู้จักและทำความเข้าใจกับสภาพผิวของตนเองอาจช่วยให้คนผิวมันประเมินความเสี่ยงของปัญหาผิวที่อาจเกิดขึ้นได้
ลักษณะที่เห็นได้ชัดของคนผิวมัน คือ ผิวมันเร็ว ผิวดูมันวาว บางครั้งอาจดูมันเยิ้มเมื่อต้องเผชิญกับความร้อนหรือเหงื่อออกมาก อีกทั้งคนผิวมันยังแต่งหน้าให้ติดค่อนข้างยาก เครื่องสำอางมักหลุดหรือเยิ้มได้ง่ายในระหว่างวัน
นอกจากนี้ ต่อมไขมันของคนผิวมันจะทำงานมากกว่าคนที่มีผิวแบบอื่น ส่งผลให้น้ำมันถูกผลิตออกมามากจนผิวดูมัน และมักจะมาพร้อมกับปัญหารูขุมขนกว้างเพื่อให้น้ำมันระบายออกได้ดีขึ้น ทำให้คนผิวมันเสี่ยงต่อสิวบางประเภทได้มากกว่าผิวสภาพอื่น
โดยเฉพาะสิวอุดตัน ซึ่งเกิดจากรูขุมขนอุดตันจากไขมันที่ผลิตออกปริมาณมากรวมตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและฝุ่นผงจากสภาพแวดล้อมภายนอก และสิวอักเสบที่มักเกิดจากเชื้อพีแอคเน่ (P. acnes) ซึ่งเป็นเชื้อสิวที่ชื่นชอบไขมัน หากผิวมันมากก็อาจส่งผลให้เชื้อนี้เติบโตในรูขุมขนที่อุดตันจนกลายเป็นสิวประเภทนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้สภาพผิวมันได้เช่นกัน ทั้งพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ความเครียด สภาพอากาศที่ร้อนและชื้น รวมไปถึงการเลือกสกินแคร์หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม
เคล็ดดูแลผิวสำหรับคนผิวมัน
การดูแลผิวอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาผิวที่เกิดจากผิวมัน และช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดีได้ เช่น
1. ล้างหน้าเพียง 2 ครั้งต่อวัน
ความมันบนใบหน้าที่รบกวนความมั่นใจบวกกับสภาพอากาศที่ร้อนชื้น อาจทำให้คนที่มีผิวมันอยู่ก่อนแล้วมันเร็วขึ้นหรือมันมากขึ้นได้ หลายคนจึงเลือกที่จะล้างหน้าในระหว่างวันเพื่อลดความมันบนใบหน้า แต่วิธีนี้อาจส่งผลเสียต่อคนผิวมันโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าจะช่วยชะล้างความมันได้จริง แต่ก็เพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งการล้างหน้าบ่อยเกินไปอาจส่งผลให้ผิวเสียสมดุลและเสี่ยงต่อสิวมากขึ้น อีกทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอาจชะล้างไขมันออกมากเกินไป ส่งผลให้ผิวแห้งกว่าปกติ ร่างกายจึงกระตุ้นการผลิตมันเพื่อคืนสภาพผิวตามธรรมชาติที่อาจทำให้ผิวมันมากกว่าเดิมได้อีกด้วย
คนที่มีผิวมันจึงควรล้างหน้า 2 ครั้งต่อวัน โดยให้เน้นล้างหน้าหลังตื่นนอนและก่อนเข้านอน เพื่อไม่ให้รบกวนผิวมากเกินไป และควรเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าออกให้หมดก่อนล้างหน้า อย่างไรก็ตาม สามารถเพิ่มการล้างหน้าระหว่างวันได้หากไปออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่เหงื่อออกมาก
2. เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม
การมีผิวมันไม่จำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีฤทธิ์แรงเพื่อกำจัดความมันเสมอไป แต่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก มีความอ่อนโยนต่อผิว และเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้าแห้งตึงหลังล้าง เพราะอาจทำให้ผิวอ่อนแอและผิวมันมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน เราจึงควรหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงและผลข้างเคียงหลังใช้ ร่วมกับการสอบถามพนักงานขายที่มีความรู้ในสินค้าเพื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ความสะอาดที่เหมาะกับผิวและตอบโจทย์การใช้งาน
3. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
คนผิวมันเสี่ยงต่อการเกิดสิว โดยเฉพาะสิวอุดตันที่เกิดจากไขมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้มากกว่าสภาพผิวอื่น จึงควรเลือกใช้สกินแคร์และเครื่องสำอางที่ไม่อุดตันเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดสิวอุดตัน โดยสกินแคร์ในกลุ่มนี้มักระบุบนฉลากว่า ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันหรือ Non-Comedogenic
คนผิวมันควรเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ (Water-Based) และเลี่ยงสกินแคร์เนื้อหนักหรือมีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำมัน (Oil-Based) อย่างน้ำมันมะพร้าว ปิโตรเลียมเจลลี่ ซิลิโคน และโกโก้บัตเตอร์ (Cocoa Butter) เพราะอาจทำให้ผิวมันและเสี่ยงต่อการอุดตันมากขึ้น
นอกจากนี้ ควรเลือกสกินแคร์และเครื่องสำอางที่อ่อนโยนต่อผิว ผ่านการทดสอบอาการแพ้ ไม่ผสมสารก่อระคายเคือง อย่างน้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย และสี
4. ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ
คนส่วนใหญ่อาจคิดว่าคนผิวมันไม่จำเป็นใช้มอยส์เจอไรเซอร์หรือสารให้ความชุ่มชื้น เพราะผิวมันอยู่แล้ว บ้างก็เชื่อว่าการใช้มอยส์เจอไรเซอร์จะทำให้ผิวดูมันวาวกว่าเดิม ในความเป็นจริง คนผิวมันควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำเพราะไขมันเป็นเพียงสิ่งที่ช่วยล็อกความชุ่มชื้นเท่านั้น ไม่ใช่สารให้ความชุ่มชื้น
การเติมน้ำในชั้นผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์และการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น มีความสมดุล สุขภาพดี ผิวมันน้อยลง และไม่ได้ทำให้ผิวมันเพิ่มขึ้นหากเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
5. ผลัดเซลล์ผิวทุกสัปดาห์
การผลัดเซลล์ผิว (Skin Exfoliation) เป็นการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมัน และสิ่งสกปรกที่ฝังอยู่ตามรูขุมขน จึงช่วยลดความเสี่ยงของการอุดตันของรูขุมขน หลัก ๆ แล้วการผลัดเซลล์ผิวทำได้ 2 รูปแบบหลัก คือ
- การใช้สารผลัดเซลล์ผิว อย่างเอเอชเอ (AHA: Alpha-Hydroxy Acids) และบีเอชเอ (BHA: Beta-Hydroxy Acids) มักพบในรูปแบบของผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวโดยเฉพาะ หรือผสมอยู่ในโฟมล้างหน้าและโทนเนอร์ (Toner) โดยแต่ละผลิตภัณฑ์จะมีความเข้มข้นต่างกันและควรใช้ให้ถูกวิธี
- การสครับผิวด้วยโฟมที่มีเม็ดสครับ ถุงมือขัดผิว และแปรงขัดผิว โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าคนผิวมันสามารถสครับผิวได้บ่อยกว่าคนที่ผิวแห้ง แต่ควรเลือกวิธีสครับที่เหมาะสมและอ่อนโยนต่อผิว ไม่ออกแรงสครับมากเกินไปหรือทำบ่อยเกินไป เพราะจะทำให้ผิวเสียหายและอ่อนแอได้
6. ใช้กระดาษซับมันได้ตามต้องการ
กระดาษซับมันเป็นตัวช่วยที่คนผิวมันควรพกติดตัว และหยิบมาใช้ซับใบหน้าหรือผิวส่วนอื่น ๆ เพื่อลดความมันระหว่างวันแทนการล้างหน้า ซึ่งช่วยลดความมันและลดปัญหาจากการล้างหน้าบ่อยเกินไปด้วย
การใช้กระดาษซับมันควรซับผิวเบา ๆ ไม่ถู กด หรือขัด เพราะอาจทำผิวระคายเคืองและน้ำมันกระจายตัวได้ นอกจากนี้ กระดาษซับมันบางยี่ห้ออาจผสมน้ำหอมและแป้ง หากเคยมีอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อสารเหล่านี้ ควรอ่านฉลากและส่วนประกอบของกระดาษซับมันก่อนซื้อ
7. ไม่รบกวนผิว
ความมันและสิวบนใบหน้ารบกวนจิตใจของคนผิวมันได้ตลอดเวลา บางคนจะเผลอไปลูบ กด แกะ เกาผิวและสิวที่เกิดขึ้น ทำให้สิ่งสกปรกตามซอกเล็บและนิ้วมือเข้าไปติดในรูขุมขน ทำให้รูขุมขนอุดตัน เกิดสิวอุดตัน เสี่ยงต่อการติดเชื้อจากเชื้อโรคที่ปนเปื้อนบนมือ และหากแกะเกาสิวก็จะทำให้สิวและผิวโดยรอบอักเสบรุนแรงขึ้น ผิวที่เป็นสิวหายช้าลงอีกด้วย
8. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
คนที่ผิวมันมากหรือไม่แน่ใจกับวิธีดูแลผิวของตนเอง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ซึ่งแพทย์จะช่วยประเมินสภาพผิวและแนะนำวิธีดูแลตนเองที่ถูกต้อง สำหรับใครที่เป็นสิวจากผิวมันหรือปัญหาผิวอื่น ๆ แพทย์จะช่วยหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
คนที่มีสภาพผิวมันไม่ว่าจากสาเหตุใด ๆ ก็สามารถมีผิวที่สุขภาพดีได้ เพียงแค่ต้องรักษาความสะอาดของผิวหนังและดูแลผิวด้วยวิธีที่ถูกต้อง หากพบอาการทางผิวหนังที่ผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่ตรงจุด