ริดสีดวงจมูก (Nasal Polyp)

ความหมาย ริดสีดวงจมูก (Nasal Polyp)

ริดสีดวงจมูก (Nasal Polyp)  คืออาการที่เยื่อบุโพรงจมูกหรือโพรงไซนัสเจริญเติบโตผิดปกติ แต่ไม่ใช่มะเร็ง โดยอาจมีลักษณะเหมือนหยดน้ำหรือเมล็ดองุ่นเกิดขึ้นที่บริเวณโพรงจมูกหรือโพรงไซนัส และอาจมีเพียงก้อนเดียวหรือหลายก้อน ริดสีดวงจมูกมักเป็นผลมาจากการอักเสบเรื้อรังจากโรคหอบหืด ภูมิแพ้ หรือความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน 

ริดสีดวงจมูกอาจไม่ทำให้เกิดอาการและไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ แต่หากก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ อาจทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก มีปัญหาในการดมกลิ่น หรือเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้น การรักษาริดสีดวงจมูกอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความรู้สึกไม่สบายตัวและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้อีกด้วย

Nose polyps

สาเหตุของริดสีดวงจมูก

ริดสีดวงจมูกเป็นผลมาจากการติดเชื้อและอักเสบของเยื่อบุจมูก ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าริดสีดวงจมูกเกิดจากสาเหตุใด แต่มักเป็นผลมาจากโรคภูมิแพ้ การติดเชื้อ หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง เช่น

  • โรคหืด อาจทำให้เกิดการอักเสบของทางเดินหายใจ โดยผู้ป่วยริดสีดวงจมูกจะมีอาการของโรคหืดร่วมด้วย
  • การแพ้ยาแอสไพริน หรือยาในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ชนิดอื่น ๆ เช่น ไอบูโพรเฟน 
  • ไซนัสอักเสบจากเชื้อรา ซึ่งเกิดจากอาการแพ้เชื้อราในอากาศ
  • โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคซีสติกไฟโบรซีส (Cystic Fibrosis) ที่มีความผิดปกติของเยื่อเมือก รวมถึงโพรงจมูกและโพรงไซนัส ทำให้ผลิตเมือกออกมาเหนียวข้นกว่าปกติ
  • โรคหลอดเลือดอักเสบในปอด (Churg-Strauss Syndrome) 

อาการของริดสีดวงจมูก

ริดสีดวงจมูกจะเป็นก้อนเนื้อนิ่ม ไม่ใช่เซลล์มะเร็ง มีลักษณะเหมือนหยดน้ำหรือเมล็ดองุ่น หากมีขนาดเล็กอาจไม่ทำให้รู้สึกถึงก้อนเนื้อและไม่ทำให้เกิดอาการ หากก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่จะไปบังทางเดินหายใจ รวมถึงสามารถพบอาการริดสีดวงจมูกต่าง ๆ ได้ เช่น

  • น้ำมูกไหล คัดจมูก น้ำมูกลงคอ
  • หายใจลำบาก
  • มีปัญหาในการรับกลิ่นหรือรสชาติ
  • ปวดศีรษะหรือปวดที่บริเวณใบหน้า
  • ปวดฟันบน
  • รู้สึกถึงแรงกดปวดแน่นที่บริเวณใบหน้าและหน้าผาก
  • หยุดหายใจขณะนอนหลับ
  • นอนกรน

อาการของริดสีดวงจมูกที่ควรไปพบแพทย์

ควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการของริดสีดวงจมูกนานกว่า 10 วัน หรือหากพบว่ามีอาการแย่ลง เช่น

  • หายใจลำบากมากขึ้น 
  • เห็นภาพซ้อน มองไม่ชัด 
  • ขยับดวงตาได้น้อยลง 
  • หน้าผากและตาบวมอย่างรุนแรง
  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรงร่วมกับมีไข้สูง 
  • ปวดตึงคอ ไม่สามารถเอนศีรษะไปด้านหน้าได้ 

การวินิจฉัยริดสีดวงจมูก

ริดสีดวงจมูกวินิจฉัยได้โดยแพทย์จะสอบถามเบื้องต้นเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วย จากนั้นจะตรวจโพรงจมูกเพื่อหาตำแหน่งและลักษณะของก้อนเนื้อต่อไป โดยอาจมีแนวทางในการวินิจฉัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น

  • การใช้กล้องส่องตรวจในโพรงจมูก (Nasal Endoscopy) โดยใช้เครื่องตรวจที่มีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็กและเลนส์ขยายพร้อมไฟส่องสว่างหรือกล้องขนาดเล็ก ส่องเข้าไปที่โพรงจมูกหรือโพรงไซนัส
  • การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อหาขนาดและตำแหน่งที่ชัดเจนของก้อนเนื้อ ประเมินขอบเขตของการอักเสบ ตรวจหาสิ่งกีดขวาง ความผิดปกติของโพรงจมูก รวมถึงชนิดของก้อนเนื้อที่อาจมีเซลล์มะเร็ง
  • การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง หากโรคภูมิแพ้เป็นสาเหตุการอักเสบเรื้อรังที่ทำให้เกิดริดสีดวงจมูก ด้วยการหยดสารก่อภูมิแพ้ที่บริเวณท้องแขนหรือแผ่นหลัง ใช้เข็มสะกิดที่ผิวหนังเบา ๆ และทิ้งไว้ 15 นาทีเพื่อดูอาการแแพ้
  • การตรวจเลือด เพื่อคัดกรองสารภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี้ (Antibody) จะทำในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังได้

การรักษาริดสีดวงจมูก

การรักษาริดสีดวงจมูกทำได้ 2 วิธีคือ เริ่มต้นจากการรักษาโดยใช้ยา หากอาการไม่ดีขึ้นแพทย์จะรักษาด้วยวิธีผ่าตัด โดยมีรายละเอียดดังนี้

การรักษาโดยใช้ยา 

การใช้ยาต่าง ๆ อาจช่วยให้ก้อนเนื้อมีขนาดเล็กลง ลดอาการอักเสบ และบรรเทาอาการริดสรดวงจมูก ยาที่ใช้ในการรักษามีหลายชนิด เช่น

  • ยาหยอดหรือยาพ่นจมูกคอร์ติโคสเตียรอยด์ รวมถึงยาอื่น ๆ เช่น ฟลูติคาโซน บูเดโซไนด์ ฟลูนิโซไลด์ ยาพ่นจะเริ่มเห็นผลเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ 
  • ยารับประทานคอร์ติโคสเตียรอยด์ เช่น เพรดนิโซน อาจรับประทานยาอย่างเดียวหรือร่วมกับการใช้ยาพ่นหรือยาหยอดจมูก ทั้งนี้ อาจมีการฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
  • ยาอื่น ๆ เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือยาแอสไพริน 

การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด 

แพทย์จะรักษาด้วยวิธีนี้เมื่อการรักษาโดยการใช้ยาไม่ได้ผล โดยแพทย์จะผ่าตัดโพรงจมูกและโพรงไซนัสด้วยกล้องเอ็นโดสโคป (Endoscopic Sinus Surgery) เพื่อส่องกล้องเข้าไปทางรูจมูกเพื่อหาตำแหน่งของก้อนเนื้อ และผ่าตัดก้อนเนื้อ หลังการผ่าตัดแพทย์จะสังเกตอาการประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าไม่พบอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงจากการผ่าตัด ผู้ป่วยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ 

โดยหลังการผ่าตัดผู้ป่วยควรใช้ยาพ่นจมูกหรือล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ รวมถึงรับประทานยาแก้แพ้ จะช่วยลดการอักเสบบวม และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของริดสีดวงจมูกได้

ภาวะแทรกซ้อนของริดสีดวงจมูก

ภาวะแทรกซ้อนของริดสีดวงจมูกเกิดขึ้นได้จากก้อนเนื้อที่ขวางทางเดินหายใจและของเหลว หรือเป็นผลมาจากสาเหตุของการอักเสบเรื้อรัง โดยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง เช่น 

  • ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยหยุดหายใจบ่อยขณะนอนหลับและอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
  • โรคหืด ริดสีดวงจมูกอาจทำให้โรคหืดกำเริบขึ้นมาอีกครั้งหรือมีอาการที่รุนแรงขึ้นได้
  • การติดเชื้อที่โพรงไซนัส ซึ่งอาจทำให้ไซนัสอักเสบเรื้อรังได้

นอกจากนี้ ยังอาจมีภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาริดสีดวงจมูก โดยเฉพาะการผ่าตัด อาจทำให้มีเลือดออกที่จมูก เกิดการติดเชื้อ สูญเสียการรับกลิ่น และอาจเกิดริดสีดวงจมูกขึ้นซ้ำได้ หรือการรักษาอย่างต่อเนื่องด้วยยาพ่นจมูกที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือรับประทานยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) อาจทำให้ภูมิต้านทานการติดเชื้อที่โพรงไซนัสลดลง ส่งผลให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

การป้องกันริดสีดวงจมูก

ในการป้องกันริดสีดวงจมูก ทำได้โดยการลดโอกาสเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเกิดริดสีดวงจมูกหรือลดการเกิดซ้ำหลังการรักษา โดยมีแนวทางดังนี้

  • ปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดในการรักษาโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืด
  • หลีกเลี่ยงสารที่ทำให้จมูกเกิดการระคายเคืองหรือการอักเสบ เช่น สารก่อภูมิแพ้ ควันบุหรี่ ควันจากสารเคมี ฝุ่นละออง เป็นต้น
  • การรักษาสุขอนามัยที่ดี ด้วยการล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ที่เป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบต่าง ๆ
  • ล้างจมูก โดยใช้น้ำเกลือเพื่อชะล้างน้ำมูก สารก่อภูมิแพ้ และลดการระคายเคืองของจมูก