การรู้จักวิธีสังเกตมะเร็งปากมดลูกเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ประเมินอาการของตนเองเบื้องต้นว่าเข้าข่ายอาการของมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ อีกทั้งยังช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษามะเร็งปากมดลูกให้สำเร็จมากยิ่งขึ้น
มะเร็งปากมดลูกเกิดขึ้นเมื่อเซลล์เยื่อบุผนังปากมดลูกเพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV) ที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หากปล่อยมะเร็งปากมดลูกทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น ไตวาย มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ดังนั้น การใช้วิธีสังเกตมะเร็งปากมดลูกและเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
รู้จักวิธีสังเกตมะเร็งปากมดลูก
ผู้ที่เป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะแรกอาจไม่แสดงอาการใด ๆ แต่อาจค่อย ๆ แสดงอาการเมื่อเวลาผ่านไป โดยวิธีสังเกตมะเร็งปากมดลูกอาจทำได้โดยการสังเกตอาการของมะเร็งปากมดลูกต่าง ๆ ดังนี้
- มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ เช่น มีเลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกในช่วงวัยทอง หรือมีเลือดออกหลังจากสวนล้างช่องคลอด
- ประจำเดือนมามากและมานานกว่าปกติ
- ตกขาวผิดปกติ โดยตกขาวอาจมีเลือดปนและส่งกลิ่นเหม็น
- ปวดท้องน้อย
- ปวด เจ็บ หรือแสบอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์
- ขาบวม
- ปัสสาวะไม่ออก แสบขณะปัสสาวะ โดยในบางครั้งอาจมีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อ่อนเพลีย และรู้สึกเบื่ออาหาร
แนวทางการรับมือหลังจากใช้วิธีสังเกตมะเร็งปากมดลูก
หากพบอาการมะเร็งปากมดลูกหลังจากใช้วิธีสังเกตมะเร็งปากมดลูก ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจอย่างถูกต้อง เพราะอาการดังกล่าวอาจเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่คล้ายกับอาการมะเร็งปากมดลูกได้ โดยแพทย์อาจตรวจบริเวณเยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูกและนำตัวอย่างเซลล์ไปตรวจเพื่อดูว่าเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่ นอกจากนี้ แพทย์อาจตรวจด้วยวิธีการอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อประกอบการวินิจฉัย
โดยแพทย์จะวางแผนการรักษามะเร็งปากมดลูกแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย ระยะของมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการรักษามีหลายวิธี เช่น การฉายรังสี การทำเคมีบำบัด การผ่าตัดนำมะเร็งออก การรักษาด้วยยามุ่งเป้า การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด
วิธีสังเกตมะเร็งปากมดลูกเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทราบถึงลักษณะของอาการมะเร็งปากมดลูก โดยนอกจากวิธีสังเกตมะเร็งปากมดลูกแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ตรวจพบมะเร็งปากมดลูกคือ การเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Test) เป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายดีได้อีกด้วย
