อาการมะเร็งปากมดลูกอาจเกิดได้กับผู้หญิงทั่วไป แต่พบได้บ่อยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ โดยมะเร็งปากมดลูกเกิดขึ้นจากเซลล์ของปากมดลูกนั้นแบ่งตัวผิดปกติและเติบโตจนลุกลาม ซึ่งมะเร็งชนิดนี้พบได้บ่อยในหญิงไทยและมักไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก ดังนั้น การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกจึงเป็นเรื่องสำคัญที่อาจช่วยให้พบโรคร้ายดังกล่าวก่อนจะลุกลามจนทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ที่ยากต่อการรักษาให้หายดีได้
มะเร็งปากมดลูกเป็นอย่างไร
มะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus: HPV) โดยมะเร็งชนิดนี้มักเกิดกับผู้หญิงอายุระหว่าง 30-45 ปี ที่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน สำหรับผู้หญิงที่มีคู่นอนหลายคน มีเพศสัมพันธุ์ตั้งแต่อายุยังน้อย มีบุตรตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือสูบบุหรี่ ก็อาจเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกมากขึ้นได้ ทั้งนี้ มะเร็งปากมดลูกอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงที
สัญญาณและอาการมะเร็งปากมดลูก
ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งปากมดลูกมักไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมาในระยะแรกและระยะก่อนมะเร็ง แต่หากมะเร็งนั้นลุกลามไปยังเนื้อเยื่อบริเวณใกล้เคียงอาจส่งผลให้เกิดอาการมะเร็งปากมดลูกได้ โดยมีอาการที่พบได้บ่อยดังต่อไปนี้
- มีเลือดออกผิดปกติจากทางช่องคลอด เช่น เลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด เลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน ประจำเดือนมาแบบกะปริบกะปรอย ประจำเดือนมามากหรือมานานกว่าปกติ เลือดออกหลังการสวนช่องคลอดหรือหลังการตรวจภายใน เป็นต้น
- ตกขาวที่ผิดปกติ เกิดขึ้นได้ในระหว่างการมีประจำเดือนหรือหลังวัยหมดประเดือน โดยตกขาวดังกล่าวอาจมีเลือดปนอยู่ด้วย
- เจ็บในขณะที่มีเพศสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม สัญญาณและอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นจากภาวะอื่น ๆ นอกเหนือจากมะเร็งปากมดลูกอย่างการติดเชื้อ ซึ่งทำให้ปวดท้องน้อยหรือมีเลือดออกได้ ผู้ที่มีอาการดังกล่าวจึงควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นมะเร็งแล้วปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เกิดการลุกลามไปยังระยะที่รุนแรงมากขึ้นและยังทำให้การรักษามีประสิทธิภาพลดลงอีกด้วย
แต่หากมะเร็งปากมดลูกนั้นลุกลามไปยังเนื้อเยื่อหรืออวัยวะโดยรอบก็อาจทำให้เกิดอาการอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น
- มีเลือดออกทางช่องคลอดปริมาณมากอย่างรุนแรง
- ปวดหลังส่วนล่างหรือกระดูกเชิงกราน
- ปวดสีข้างหรือหลังอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากมะเร็งลุกลามไปที่ไต
- ท้องผูก
- ปัสสาวะหรืออุจจาระบ่อยกว่าปกติ
- มีภาวะกลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่
- ปัสสาวะเป็นเลือด
- ขาข้างใดข้างหนึ่งหรือขาทั้งสองข้างบวม
วิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ผู้หญิงทุกคนสามารถลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มักก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด และมะเร็งอวัยวะเพศหญิง โดยสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 9-26 ปี ซึ่งปริมาณของวัคซีนที่จะได้รับนั้นจะขึ้นอยู่กับอายุของผู้รับวัคซีน ทั้งนี้ ควรฉีดวัคซีนตั้งแต่ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะจะทำให้วัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงสุด
- ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยการตรวจแป๊ปสเมียร์ (Pap Smear) เพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์บริเวณปากมดลูกที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม โดยผู้หญิงควรเข้ารับการตรวจประเภทนี้เป็นประจำเมื่ออายุ 21 ปี และกลับมาตรวจซ้ำเป็นระยะ รวมถึงการตรวจหาเชื้อ HPV ซึ่งเป็นไวรัสที่อาจทำให้เซลล์บริเวณดังกล่าวเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอีกด้วย
- ไม่สูบบุหรี่หรือเลิกสูบ
- ใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ รักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และมีเพศสัมพันธ์เมื่อถึงวัยที่เหมาะสม
สุดท้ายนี้ หากผู้ป่วยมีความผิดปกติใด ๆ ที่สงสัยว่าอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอาการมะเร็งปากมดลูก และอาการนั้นยังก่อให้เกิดความกังวลใจก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย และควรไปปรึกษาแพทย์เสียแต่เนิ่น ๆ เพราะสัญญาณอาการดังกล่าวอาจเป็นภัยเงียบที่เป็นอันตรายต่อตัวคุณได้ นอกจากนี้ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนั้นก็เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้เร็วยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและลดความเสี่ยงในการเกิดและลุกลามของมะเร็งได้