วัยรุ่นกับปัญหาผิวหน้าอาจเรียกได้ว่าเป็นของคู่กัน และเป็นสิ่งที่ไม่มีใครชอบใจ เพราะทุกคนต่างก็อยากมีผิวหน้าเนียนใสไร้สิวและดูมีสุขภาพดี จึงพยายามสรรหาวิธีบำรุงผิวหน้ามากมายเพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่ทำให้กังวล แต่รู้หรือไม่ว่า เพียงแค่การบำรุงผิวหน้าด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ในทุกวัน ก็อาจช่วยเปลี่ยนผิวเสียเป็นผิวใสได้
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายทำให้ต่อมไขมันขยายใหญ่ขึ้นและผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น วัยรุ่นหลายคนจึงพบปัญหาผิวหน้ามัน รูขุมขนกว้าง และเป็นสิวง่าย อย่างไรก็ตาม สภาพผิวหน้าของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แม้จะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่หลายคนเห็นผลลัพธ์ที่ดี แต่บางครั้งอาจไม่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของเรา บทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อผิวเนียนใสสมวัยมาฝากกัน
ผิวหน้าของเราเป็นแบบไหนกันนะ ?
สภาพผิวของคนเราแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทหลักตามความชุ่มชื้นในผิวหนังและปริมาณน้ำมันในผิว ซึ่งส่งผลให้คนเรามีสภาพผิวที่แตกต่างกัน ทั้งความนุ่ม ยืดหยุ่น และความแข็งแรงของผิวเมื่อสัมผัสกับสารเคมีต่าง ๆ ดังนี้
- ผิวแห้ง เป็นผิวหน้าที่มีลักษณะหยาบกร้าน หมองคล้ำง่าย อาจมีอาการแสบ แดง คัน ลอก หรือระคายเคือง รวมทั้งมีโอกาสเกิดริ้วรอยได้ง่าย เนื่องจากผิวขาดความยืดหยุ่น แต่มักไม่มีปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง คนผิวแห้งจึงควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ให้ความชุ่มชื่นเพื่อรักษาน้ำในผิว
- ผิวมัน เป็นผิวที่มีลักษณะตรงข้ามกับผิวแห้ง คือผิวมีลักษณะเป็นมันเงา มีรูขุมขนกว้างที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และมีแนวโน้มเกิดสิวประเภทต่าง ๆ ได้ง่าย เช่น สิวหัวดำ สิวผด หรือสิวอักเสบ เนื่องจากการผลิตน้ำมันออกมาบนผิวหนังมากเกินไป ผู้ที่มีผิวหน้ามัน ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติควบคุมความมัน และลดความเสี่ยงของการเกิดสิว
- ผิวธรรมดา เป็นผิวที่มีความสมดุล คือไม่แห้งหรือมันจนเกินไป ผิวโดยรวมเรียบเนียน มีความยืดหยุ่น ไม่มีสิว รอยแดง และปัญหารูขุมขนที่เห็นได้ชัด สำหรับใครที่มีผิวธรรมดาอาจเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ช่วยรักษาสมดุลของใบหน้า
- ผิวผสม เป็นผิวที่มีลักษณะร่วมระหว่างผิวแห้งและผิวมัน โดยมีลักษณะแห้งหรือหยาบกร้านบริเวณแก้ม และมีผิวมันบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ที่เรียกว่าทีโซน (T-Zone) ผู้ที่มีผิวผสมมักพบปัญหารูขุมขนกว้าง และมีสิวหัวดำ ทั้งนี้ สภาพผิวของคนผิวผสมอาจเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ โดยเฉพาะเมื่ออากาศเย็น อาจทำให้ผิวบางบริเวณแห้งมากขึ้น คนที่มีผิวผสมอาจต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่แตกต่างกันตามผิวหน้าแต่ละส่วน
สำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือระคายเคืองง่าย อาจพบได้ในทุกสภาพผิว เป็นผิวที่ต้องการความใส่ใจในการดูแลผิวเป็นพิเศษ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทราบสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารนั้น โดยอาการแพ้ทั่วไปที่อาจพบ ได้แก่ มีรอยแดง คัน หรือผิวไหม้ ซึ่งมักเกิดจากการแพ้สารเคมีในเครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าบางชนิด
บำรุงผิวหน้าแบบฉบับวัยรุ่นด้วยวิธีง่าย ๆ ใน 4 ขั้นตอน
หลักการสำคัญของการบำรุงผิวหน้าคือการเริ่มสร้างกิจวัตรการดูแลผิวที่ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ หากมีวินัยในการดูแลผิวตั้งแต่อายุยังน้อย จะช่วยป้องกันและชะลอการเกิดปัญหาผิวในอนาคตได้ ทั้งนี้ การดูแลผิวในแต่ละวันไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนที่ซับซ้อน การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ามากเกินไปอาจยิ่งทำให้ผิวไม่ได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ เนื่องจากไม่สามารถซึมลงใต้ผิวหนังได้เท่าที่ควร หรืออาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว หากใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์ (Active Ingredient) หรือสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป
ขั้นตอนพื้นฐานในการบำรุงผิว มีดังนี้
-
การทำความสะอาดผิว
การล้างหน้าเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการดูแลผิวในแต่ละวัน เพื่อล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรก น้ำมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหนัง การล้างหน้าให้สะอาดจะช่วยลดการเกิดสิวในวัยรุ่นจากการอุดตันของสิ่งสกปรกในรูขุมขน เพื่อผิวสุขภาพดี ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าหลังตื่นนอน และก่อนเข้านอน
ในกรณีที่แต่งหน้า ควรล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางออกจนหมดก่อนเข้านอน เพื่อป้องกันการสะสมของเครื่องสำอาง ฝุ่น และแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางชนิดน้ำมัน (Oil-Based Cleanser) ซึ่งสามารถละลายเครื่องสำอางและครีมกันแดดบนผิวหน้าได้สะอาดหมดจด ตามด้วยการล้างหน้าด้วยสบู่ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว และซับหน้าเบา ๆ ให้แห้ง หากมีผิวมันหรือผิวผสม อาจใช้สบู่ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)ที่มีความเข้มข้นต่ำอย่าง 0.5% ซึ่งช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันในผิวหนัง และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน โดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง หากจำเป็นต้องใช้ความเข้มข้นสูง ควรปรึกษาแพทย์
-
ดูแลผิวเฉพาะจุด
วัยรุ่นโดยส่วนมากมักเป็นสิวได้ง่าย เนื่องจากมีผิวหน้ามัน รูขุมขนอุดตันได้ง่ายจากสิ่งสกปรกต่าง ๆ ในกรณีที่ใช้ยาทาผิวหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อรักษาสิว ควรใช้หลังจากการล้างหน้าอย่างสะอาดหมดจด เพราะจะทำให้ตัวยาซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีขึ้น
เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เป็นสารที่นิยมใช้รักษาสิวที่มีอาการไม่รุนแรง และสามารถหาซื้อได้ทั่วไป แต่อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้ จึงควรเริ่มใช้จากตัวยาที่มีความเข้มข้นต่ำ วันละ 1 ครั้งในเวลากลางคืน หรือใช้ตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง ทั้งนี้ หากรู้สึกแสบร้อนผิวหนังบริเวณที่ทายา ให้ล้างออกด้วยน้ำและสบู่อ่อน ๆ และเริ่มใช้เบนโซอิล เพอร์ออกไซด์ได้อีกครั้งในวันถัดไป
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวอื่น ๆ ที่ต้องการการบำรุงเป็นพิเศษ อาจเลือกใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของสารบำรุงเข้มข้นอย่างสารสกัดจากชาเขียวหากมีผิวหมองคล้ำไม่สดใส และวิตามินอีหากมีผิวแห้ง หรืออาจใช้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน
-
เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
การทามอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer) จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น โดยเติมน้ำให้ผิวโดยตรงบนผิวหนังชั้นนอกสุด และช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิวหนัง ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นที่ทำให้ผิวแห้งกร้าน โดยส่วนผสมที่นิยมใช้ในมอยส์เจอไรเซอร์ ได้แก่ กลีเซอรีน (Glycerine) เซราไมด์ (Ceramides) สารต้านอนุมูลอิสระ และเปปไทด์ (Peptides)
ควรทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำหลังการล้างหน้า ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออุดตันผิว ผู้มีผิวแห้งควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดครีมหรือบาล์มที่มีความเข้มข้นสูง ส่วนผู้ที่มีผิวมัน ควรเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเนื้อเจลบางเบาที่ไม่ผสมน้ำมัน
-
ปกป้องผิวจากแสงแดด
การทาครีมกันแดดทุกวันจะช่วยป้องกันผิวจากการถูกทำลายของรังสียูวีในแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ และถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการบำรุงผิวหน้าให้มีสุขภาพดี ป้องกันการเกิดจุดด่างดำ ผิวคล้ำเสีย ริ้วรอยก่อนวัย และยังช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง ซึ่งอาจเกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน
ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวหน้าได้อย่างครอบคลุม (Broad-Spectrum) ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและรังสียูวีบี และควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีคุณสมบัติกันน้ำและเหงื่อระหว่างวัน โดยทาครีมกันแดดก่อนออกแดดประมาณ 15 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง และหลังจากว่ายน้ำหรือมีเหงื่อออก
การบำรุงผิวหน้าของวัยรุ่นนั้นไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนที่ยุ่งยากหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูง เพียงแค่เข้าใจและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหน้าของตัวเองตามขั้นตอนพื้นฐานในแต่ละวัน การมีผิวใสก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ใด ๆ หรือพบปัญหาผิวที่ไม่สามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป