แขนขาอ่อนแรงอันตรายไหม เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง

บางคนอาจเคยเกิดอาการแขนขาอ่อนแรง เช่น รู้สึกว่าขาไม่มีกำลัง หยิบของแล้วทำหลุดมือบ่อย ๆ กำมือไม่ได้ แต่คิดว่าไม่ใช่อาการร้ายแรงจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับอาการที่เกิด ความจริงแล้วหากเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงขึ้นเราไม่ควรที่จะเพิกเฉย เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพหรือนำไปสู่การเกิดโรคที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

อาการแขนขาอ่อนแรงสามารถเกิดได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง ซึ่งปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดแขนขาอ่อนแรงมีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและกล้ามเนื้ออื่น ๆ การติดเชื้อบางอย่าง รวมไปถึงการใช้ยาหรือสารเคมีบางชนิดด้วย บทความนี้จะอธิบายสาเหตุของแขนขาอ่อนแรงเพื่อให้ผู้อ่านสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม

แขนขาอ่อนแรงอันตรายไหม เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง

แขนขาอ่อนแรงเกิดจากสาเหตุอะไร

สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแขนขาอ่อนแรง มีดังนี้

โรคหรือหรือภาวะสุขภาพบางอย่าง

อาการแขนขาอ่อนแรงถือเป็นสัญญาณหลักของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ซึ่งเป็นภาวะที่หลอดเลือดในสมองแตกหรือตีบตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่ได้ โรคหลอดเลือดสมองเป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยมักเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและสามารถเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตถ้าไม่ได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างทันท่วงทีด้วย

นอกจากนี้ อาการแขนขาอ่อนแรงอาจเป็นอาการร่วมของโรคหรือภาวะสุขภาพอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น 

ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ

แขนขาอ่อนแรงอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ โดยเฉพาะการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น โรคซิฟิลิส (Syphilis) ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากการโดนเห็บกัด หรือโรคไข้รูมาติก (Rheumatic Fever) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตค็อกคัส กรุ๊ปเอ (Group A Streptococcus) ด้วย

รวมถึงการติดเชื้อไวรัส เช่น การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) โรคไข้หวัดใหญ่ โรคพิษสุนัขบ้า โรคโมโนนิวคลิโอซิส (Mononucleosis) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเอ็บสไตบาร์ (Epstein-Barr Virus: EBV) รวมถึงโรคโปลิโอ (Poliomyelitis) และโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่สามารถเกิดได้ทั้งจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราบริเวณเยื่อหุ้มสมอง และส่งผลให้เกิดอาการแขนขาอ่อนแรง 

การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลัง

การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือกระดูกสันหลังสามารถทำให้แขนขาอ่อนแรงได้ โดยสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเคลื่อนไหวร่างกายมากอย่างการเล่นกีฬา การทำงานที่ต้องใช้แรงมากอย่างการยกของหนัก โดยเฉพาะการยกของหนักแบบผิดท่า

เพราะอาจทำให้หมอนรองกระดูกที่อยู่บริเวณกระดูกสันหลังบาดเจ็บเสียหาย จนเกิดการกดทับเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวร่างกาย เรียกว่าโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Herniated Disc)

รวมถึงการบาดเจ็บเกี่ยวกับกระดูกสันหลังอื่น ๆ ที่สามารถนำไปสู่การเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโรคกระดูกเสื่อม โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal Stenosis) หรือการเกิดมะเร็งที่แพร่กระจายไปยังกระดูกสันหลังหรือไขสันหลัง

นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่นอนติดเตียงไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานาน หรือผู้ป่วยที่ใส่อุปกรณ์ช่วยพยุงแขนในกรณีที่แขนหัก สามารถเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงได้เช่นกัน

การใช้ยาบางชนิดเป็นเวลานาน

ยาบางชนิดหากใช้เป็นเวลานานสามารถทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์อย่างอาการแขนขาอ่อนแรงได้ หากในขณะที่ใช้ยามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรปรึกษาแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตัวอย่างยาที่สามารถทำให้แขนขาอ่อนแรงเมื่อใช้เป็นเวลานาน มีดังนี้

  • กลุ่มยาสแตติน (Statins) เช่น ยาซิมวาสแตติน (Simvastatin) ยาอะทอร์วาสแตติน (Atorvastatin) รวมถึงยาลดไขมันในเส้นเลือดชนิดอื่น ๆ
  • กลุ่มยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เช่น ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone)
  • กลุ่มยาปฏิชีวนะซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamides) เช่น ยาโค-ไตรมอกซาโซล (Co-Trimoxazole: Sulfamethoxazole / Trimethoprim)
  • ยาต้านไวรัสในกลุ่มเอ็นอาร์ทีไอ (NRTI) เช่น ยาลามิวูดีน (Lamivudine) ยาซิโดวูดีน (Zidovudine)
  • ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยานาพรอกเซน (Naproxen)
  • ยาที่ใช้รักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น ยาอะมิโอดาโรน (Amiodarone) ยาโปรเคนเอไมด์ (Procainamide)
  • ยาที่ใช้รักษาโรคเก๊าท์ เช่น ยาโคลชิซิน (Colchicine)

ผลข้างเคียงจากการใช้สารเคมีบางชนิด

ในบางกรณีแขนขาอ่อนแรงอาจเกิดจากการใช้สารเคมีบางชนิดซึ่งเป็นพิษต่อระบบประสาท ทำให้เส้นประสาทเกิดความเสียหายและเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงตามมา โดยสารเคมีในชีวิตประจำวันหลายชนิดที่หากใช้ด้วยความไม่ระมัดระวังอาจเกิดผลข้างเคียงเหล่านี้ได้ เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ยาฆ่าแมลง และสารเคมีที่มีส่วนผสมของสารตะกั่วด้วย

แขนขาอ่อนแรงอันตรายไหม อาการแบบไหนควรไปพบแพทย์ 

การเกิดอาการแขนขาอ่อนแรงอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่รุนแรงและควรได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างทันท่วงที เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ดังนั้น หากมีอาการแขนขาอ่อนแรงร่วมกับมีอาการดังต่อไปนี้เกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์

  • เกิดอาการแขนขาอ่อนแรงอย่างเฉียบพลับ โดยมักจะเป็นแค่ซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย ทำให้สูญเสียความรู้สึก สูญเสียการทรงตัว และไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกาย เช่น ยืน เดิน หรือนั่ง ได้ตามปกติ 
  • เกิดอาการใบหน้าอ่อนแรงอย่างเฉียบพลัน รวมถึงมีอาการชาที่ใบหน้า ปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิท และไม่สามารถยิ้มหรือแสดงสีหน้าได้ตามปกติด้วย
  • พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ และไม่เข้าใจในสิ่งที่คนอื่นพูด
  • มองเห็นภาพซ้อน หรือเกิดปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น
  • ปวดศีรษะอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน วิงเวียนศีรษะ และบ้านหมุน
  • มีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว เช่น ซึมลง ไม่รู้สึกตัว และไม่ตอบสนอง
  • ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ทำให้อาจมีปัสสาวะหรืออุจจาระออกมาอย่างกะทันหัน
  • กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกอ่อนแรง ทำให้หายใจลำบาก และหมดสติ

แม้ว่าแขนขาอ่อนแรงอาจไม่ได้นำไปสู่การเกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงเสมอไป แต่ก็มีหลายกรณีที่อาการแขนขาอ่อนแรงนำไปสู่การเกิดโรคที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้น แม้จะมีอาการแขนขาอ่อนแรงแค่เล็กน้อย หรือมีอาการแค่เพียงชั่วคราวและหายไป ก็ไม่ควรที่จะละเลยอย่างเด็ดขาด ควรสังเกตตัวเองและรีบไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น