เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานว่า การดื่มไวน์นั้นมีประโยชน์จริงหรือไม่ หลายคนเชื่อว่าการดื่มไวน์วันละแก้วส่งผลดีต่อสุขภาพ โดยหลายงานวิจัยชี้ว่าการดื่มไวน์ในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ อย่างโรคหัวใจได้
อย่างไรก็ตาม การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปย่อมก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการดื่มไวน์เพื่อสุขภาพ ควรศึกษาประโยชน์และปริมาณที่เหมาะสมในการดื่มไวน์ ดังนี้
ไวน์อาจช่วยลดสิว ไวน์ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเรสเวอราทรอล (Resveratrol) ซึ่งพบในองุ่น โดยงานค้นคว้าชิ้นหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ชี้ว่า สารเรสเวอราทรอลอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเปรียบเทียบกับยาทารักษาสิวเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ และจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้ร่วมกัน อย่างไรก็ตาม งานวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการทดลองในห้องปฏิบัติการเท่านั้น จึงจำเป็นต้องศึกษาวิจัยถึงประสิทธิภาพของสารเรสเวอราทรอลในการรักษาสิิวเพิ่มเติม โดยทดลองกับมนุษย์ต่อไป
ไวน์อาจช่วยป้องกันหวัด นักวิจัยเชื่อว่าการดื่มไวน์อาจช่วยลดการอักเสบและช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ งานวิจัยหนึ่งได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์และประวัติการป่วยด้วยโรคหวัดของผู้เข้าร่วมวิจัยมากกว่า 4,000 คน เป็นเวลา 1 ปี พบว่ากลุ่มผู้ที่ดื่มไวน์ โดยเฉพาะไวน์แดงมีแนวโน้มที่จะป่วยด้วยโรคหวัดน้อยกว่าผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นหรือผู้ที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย
ไวน์อาจช่วยให้ฟันแข็งแรง มีงานวิจัยหนึ่งพบว่า ไวน์แดงมีสารต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคเหงือกและฟัน โดยนักวิจัยได้นำกลุ่มเชื้อแบคทีเรียในช่องปากทดลองใส่ลงในสารต่าง ๆ รวมทั้งน้ำองุ่นพันธุ์ปิโน นัวร์ (Pinot Noir) ทั้งที่ผสมแอลกอฮอล์และไม่ผสมแอลกอฮอล์ โดยผลการทดลองพบว่าน้ำองุ่นที่ผสมแอลกอฮอล์และไม่ผสมแอลกอฮอล์มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ดีกว่าสารละลายน้ำเปล่ากับแอลกอฮอล์ ซึ่งนักวิจัยคาดว่าสารโพลีฟีนอลและสารเคมีที่พบในองุ่นอย่างเรสเวอราทรอลอาจมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียได้
ไวน์อาจช่วยเพิ่มปริมาณไขมันดี งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า ไวน์แดงอาจช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ในเลือดได้ โดยมีงานวิจัยหนึ่งพบว่าผู้ที่ดื่มไวน์แดง 1-2 แก้ว/วัน เป็นเวลาติดต่อกันนาน 4 สัปดาห์มีระดับไขมันดีในเลือดเพิ่มขึ้นถึง 11-16 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับผู้ที่ดื่มน้ำเปล่าหรือน้ำเปล่าผสมสารสกัดจากองุ่น
ไวน์อาจช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง นักวิจัยพบว่าการดื่มไวน์แดงอาจช่วยป้องกันระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งอาจช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากไวน์ประกอบด้วยสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ จึงเชื่อว่าสารฟีนอลที่พบในไวน์อาจช่วยยับยั้งการเกิดสารอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ทำให้ผนังหลอดเลือดถูกทำลายน้อยลง ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้
ไวน์อาจช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อม งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การดื่มไวน์แดงอาจช่วยชะลอภาวะสมองเสื่อมได้ โดยคาดว่าสารเรสเวอราทรอลในไวน์แดงมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนเบตาอะไมลอยด์ (Beta-Amyloid) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์
ดื่มไวน์อย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ ?
แม้ว่าการดื่มไวน์อาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ แต่การดื่มในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลกระทบในทางลบได้ โดยปริมาณการดื่มไวน์อย่างเหมาะสมที่แนะนำ คือ ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 หน่วยมาตรฐาน/วัน และผู้หญิงควรดื่มไม่เกิน 1 หน่วยมาตรฐาน/วัน โดย 1 หน่วยมาตรฐานของไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ 12 เปอร์เซ็นต์ คือ ประมาณ 148 มิลลิลิตร
ดื่มไวน์มากไปส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร ?
การดื่มไวน์ในปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนี้
- ติดสุรา การดื่มไวน์หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ๆ มากจนเกินไป อาจทำให้ไม่สามารถควบคุมตนเองและปริมาณในการดื่มได้ จนอาจเกิดอาการติดสุรา
- น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น ไวน์มีแคลอรี่มากถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับเบียร์และน้ำอัดลม การดื่มไวน์มากเกินไปจึงอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้
- เสี่ยงเกิดโรค การดื่มไวน์ประมาณ 2-3 แก้ว/วัน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับและตับแข็ง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และหากดื่มไวน์ 1-3 ครั้ง/สัปดาห์ หรือดื่มในปริมาณมากเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน โรคซึมเศร้า และนำไปสู่การเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้