ซัลเฟอร์
ซัลเฟอร์ (Sulfur) หรือกำมะถัน คือ ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกายนอกเหนือจากแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์มีคุณสมบัติในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื่อว่าสามารถช่วยรักษาปัญหาผิวหนัง เช่น โรคต่อมไขมันที่ผิวหนังอักเสบ (Seborrheic Dermatitis) และสิว อีกทั้งยังอาจช่วยกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อยและช่วยในการผลัดผิวได้อีกด้วย
เกี่ยวกับซัลเฟอร์
กลุ่มยา | ยารักษาสิว และโรคผิวหนัง |
ประเภทยา | ยาตามใบสั่งแพทย์ |
สรรพคุณ | ช่วยลอกเซลล์ผิวหนังเก่า มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรค และเชื้อราอย่างอ่อน |
กลุ่มผู้ป่วย | เด็กและผู้ใหญ่ |
รูปแบบของยา | ยาทา |
คำเตือนในการใช้ซัลเฟอร์
- หลีกเลี่ยงการใช้ซัลเฟอร์ หากมีประวัติการแพ้ยา หรืออาหารที่มีส่วนประกอบของสารนี้
ผู้ที่มีปัญหาผิวหนัง เช่น ผิวหนังไหม้แดด ผิวหนังอักเสบเนื่องจากถูกลมแรง ผิวแห้ง แตก หรือผิวหนังมีอาการระคายเคืองไม่ควรใช้ซัลเฟอร์ เพราะอาจยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้กับผิวหนังบริเวณที่มีผื่นอักเสบ ควรรอจนกว่าผื่นหาย
- ห้ามใช้ซัลเฟอร์ในขณะที่ใช้ยาทารักษาสิวชนิดอื่น ๆ และไม่ควรใช้โดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- สตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาดังกล่าวหากไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์
- ในระหว่างการรักษาด้วยยานี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี หรือเครื่องสำอางบริเวณผิวหนังที่รักษา เพื่อให้การรักษาเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง
- เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ห้ามใช้ยานี้โดยเด็ดขาด
ปริมาณการใช้ซัลเฟอร์
รักษาสิว
- ผู้ใหญ่ ทายาความเข้มข้น 1-8% บาง ๆ ลงที่ผิว วันละ 1-3 ครั้งเป็นประจำทุกวัน โดยควรเริ่มต้นจากการใช้ยานี้เพียงวันละ 1 ครั้ง แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดภาวะผิวแห้งที่มีสาเหตุมาจากตัวยา
รักษาโรคหิด
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาความเข้มข้น 5-10 % ทาและนวดเบา ๆ ลงที่ผิวหนังตั้งแต่คอ ลงมาจนถึงเท้า ปล่อยทิ้งไว้ 24 ชั่วโมงแล้วจึงอาบน้ำเพื่อล้างออก ทำซ้ำติดต่อกัน 2-3 วัน
- เด็ก ใช้แบบเดียวกับผู้ใหญ่แต่ลดปริมาณลงตามความเหมาะสม
รักษารังแค
- ผู้ใหญ่ ใช้ยาความเข้มข้น 2-5% อาจเป็นชนิดที่มีซัลเฟอร์เพียงอย่างเดียว หรือใช้ร่วมกับกรดซาลิไซลิคผสมด้วยก็ได้ นำมาชะโลมศีรษะขณะเปียกแล้วนวดจนตัวยาซึมเข้าสู่หนังศีรษะ จากนั้นล้างออก ทำซ้ำจนอาการดีขึ้น ในระหว่างการรักษาควรสระผมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง
การใช้ซัลเฟอร์
ยานี้เป็นยาที่ควรใช้ภายใต้คำสั่งแพทย์ และควรปฏิบัติตามคำแนะนำในเอกสารยาภายในบรรจุภัณฑ์โดยละเอียด หากมีข้อสงสัยในการใช้ควรปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นหากใช้ยาผิดวิธี
ก่อนใช้ ซัลเฟอร์ ทุกครั้งควรล้างมือ และควรทำความสะอาดบริเวณที่มีอาการให้สะอาดก่อนใช้ยา และหากเป็นยาชนิดโลชั่นทาผิว ควรเขย่าขวดก่อนใช้เพื่อไม่ให้เกิดการตกตะกอน เมื่อทายาเสร็จแล้ว ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้บริเวณที่ทายาโดนน้ำ และไม่ควรปิดแผลเว้นแต่แพทย์สั่ง เพราะการปิดแผลจะทำให้ตัวยาซึมเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปจนเป็นอันตราย นอกจากนี้ ควรใช้ยาต่อเนื่องจนกว่าอาการจะดีขึ้น ซึ่งจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเริ่มเห็นผล
สำหรับสตรีมีครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ซัลเฟอร์ เป็นยาที่ไม่ควรนำมาใช้เอง และควรหลีกเลี่ยง เพราะยังไม่มีผลการศึกษายืนยันว่ายาดังกล่าวจะส่งผลดีหรือส่งผลเสียต่อสตรีมีครรภ์ หรืออาจเจือปนในน้ำนมทำให้ทารกที่ดื่มน้ำนมแม่ได้รับสารชนิดนี้หรือไม่ ดังนั้น ก่อนใช้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยแพทย์จะแจ้งให้ทราบประโยชน์และผลข้างเคียงที่อาจได้รับจากการใช้ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนใช้ยาอีกครั้ง
ในการเก็บรักษายา ควรเก็บรักษายาในอุณหภูมิห้อง ให้ห่างไกลจากความชื้น และความร้อน เพราะอาจทำให้ยาเสื่อมสภาพ และควรสังเกตความผิดปกติของยาทุกครั้งที่ใช้ หากตัวยามีลักษณะที่เปลี่ยนไปจากเดิมไม่ควรใช้ เพราะอาจส่งผลเสียต่อการรักษาได้
ผลข้างเคียงจากการใช้ซัลเฟอร์
เช่นเดียวกับยาชนิดอื่น ๆ ซัลเฟอร์นับเป็นยาที่มีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก และอาการข้างเคียงค่อนข้างรุนแรง หากผิวหนังมีอาการระคายเคืองแม้ไม่ได้ใช้ยา ควรหยุดยาแล้วไปพบแพทย์โดยด่วน
ทั้งนี้หากผิวหนังบริเวณที่ทายามีลักษณะแดงหรือลอก อาจเป็นเพราะร่างกายกำลังปรับตัวรับยา ผู้ใช้จึงไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ และสามารถใช้ยาต่อเนื่องไปได้ โดยอาการเหล่านี้จะหายไปภายในเวลาไม่กี่วัน แต่หากมีอาการต่อเนื่องโดยไม่ทุเลาลง หรือทวีความรุนแรงขึ้นควรลดปริมาณการใช้ หากยังไม่ดีขึ้นให้รีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัย