ถามแพทย์

  • กรดไหลย้อนขึ้นที่กล่องเสียง

  •  Rungmanthakan Sukwinya
    สมาชิก

    เรียนคุณหมอ

    เมื่อตอนต้นปี มกราคม 60 เคยมีอาการไข้และต่อมน้ำเหลืองคอโตบวมปูดเป็นลูกมะนาว แพทย์ ร.พ.เอกชนให้ทายาฆ่าเชื้อ ยาลดบวม จนคอยุบบวม พอเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 60 ดิฉันมีอาการเจ็บในคอ เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่หลอดอาหาร กลืนลำบาก ที่กล่องเสียงมีลักษณะบวมโตขึ้นเล็กน้อย เป็นมา 3-4 สัปดาห์ แพทย์ ร.พ.รัฐ ให้อ้าปากกดลิ้นดูคอนิดนึงแล้วมีความเห็นว่า กรดไหลย้อนขึ้นที่กล่องเสียง ให้ยามาทาน  (air-x80mg/algycon200mg/miracid20mgและmotidom-m10mg)1 เดือน นัดต่อ อาการดีขึ้นบ้างแต่ยังไม่หาย  ดิฉันคงเป็นกรดไหลย้อน เพราะมีทานอาหารไม่ย่อยเรอเปรี้ยวบ่อย เสมหะมากลักษณะเป็นฟองๆเหนียวใส แต่ไม่เคยแสบร้อนหรือจุกในอก ไม่ไอ  แพทย์ปรับยาบางตัวให้ใหม่ (gasmotin5mg และ nac long)แต่ดิฉันยังไม่ได้เริ่มทาน เพราะตอนนี้คอ(กล่องเสียง)ยังคงบวม ยังกลืนลำบาก เสียงแหบพร่านิดๆในบางวัน  ดิฉันไม่แน่ใจอาการเจ็บ-จุกในคอ และกล่องเสียงที่มีลักษณะบวมโตขึ้นเล็กน้อย และเหมือนมีสิ่งอุดกั้นตลอดเวลากลืน/หายใจ เรียนปรึกษาว่า ควรเปลี่ยนแพทย์ หรือ ตรวจอาการเพิ่มม้ัยคะ

    ขอบคุณมากค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Rungmanthakan Sukwinya

    ผลการตอบสนองต่อการรักษากรดไหลย้อนในแต่ละคนแตกต่างกันไป โดยทั่วไปใช้เวลารักษาอย่างต่อเนื่องประมาณ 1-3 เดือน การรักษาประกอบด้วยยา และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตค่ะ ยาที่ใช้บ่อย ได้แก่ ยาลดกรด ยาเพิ่มการเคลื่อนตัวของระบบทางเดินอาหาร ยาขับลม 

    ร่วมกับการรับประทานอาหารให้ตรงเวลา หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนนอน การสูบบุหรี่ หรือพฤติกรรมอื่น ๆ ที่เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดกรดไหลย้อนได้ง่าย 

    • ควรกินอาหารในปริมาณที่พอดีในแต่ละมื้อ หรือแบ่งเป็นมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อยครั้งมากขึ้นแทน การกินอาหารจนอิ่มเกินไป ไม่ควรกินอาหารรสจัดทุกมื้อ กินอาหารให้ตรงเวลา
    • ไม่ควรเข้านอน ออกกำลังกาย หรือยกของหนักหลังกินอิ่มทันที
    • ควรเว้นช่วงให้กระเพาะอาหารได้ย่อยอาหารอย่างน้อย 3 ชั่วโมง ก่อนล้มตัวลงนอน
    • สวมใส่เสื้อผ้าที่พอดีกับรูปร่าง ไม่รัดแน่นจนเกินไป
    • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากสารนิโคตินในบุหรี่จะไปกระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น รวมไปถึงจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์อาจทำให้หูรูดหลอดอาหารปิดไม่สนิท
    • อย่าปล่อยให้เกิดอาการเครียด ซึ่งอาจไปกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารให้มากขึ้น

      ห้หากทานยาประมาณ 2-3 เดือน แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการมากขึ้นในระหว่างนั้น เช่น มีก้อนโตผิดปกติ น้ำหนักลดมาก หายใจลำบาก แพทย์จะพิจารณาการส่องกล้องในระบบทางเดินอาหาร กล่องเสียง ว่ามีสาเหตุอื่นร่วมที่ทำให้เกิดอาการเสียงแหบ กลืนลำบาก หรือไม่ โดยทำการส่งต่อให้แพทย์เฉพาะทางด้านหูคอจมูก อายุรแพทย์ หรือศัลยแพทย์ช่วยประเมิณร่วมค่ะ แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ให้การรักษา เพื่อวางแผนการรักษาค่ะ ขอให้อาการดีขึ้นค่ะ