ถามแพทย์

  • กินยาคุมรายเดือนร่วมกับใส่ถุงยางอนามัยแล้ว ตรวจค่า beta-hcg หลังมีเพศสัมพันธ์ 11 วันให้ผลลบ จะท้องไหม ต้องกลับไปตรวจเลือดซ้ำไหม

  •  pppnn
    สมาชิก
    ประจำเดือนรอบที่แล้ววันที่ 23 ธันวา 65 มีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 1 มกรา 66 แฟนใส่ถุงยางอนามัย และเรากินยาคุมรายเดือน (กินมาเกือบ10เดือนแล้ว) ช่วงประมาณวันที่ 9 มกรา มีอาการปวดท้องน้อย+ท้องเสีย ตั้งแต่วันที่10 มกราก็มีอาการปวดท้องน้อยบ้าง แต่ลดลงเรื่อยๆ ตอนนี้มีอาการคัดหน้าอก เจ็บข้างๆ2ข้าง เป็นๆหายๆ มีตกขาวสีเขียวอ่อน กังวลว่าตัวเองจะตั้งครรภ์มั้ย เลยไปตรวจเลือดวัด beta-hcg วันที่12 มกรา (11 วันหลังมีเพศสัมพันธ์) ผลคือ <0.10 IU/L อยากถามว่าสามารถมั่นใจได้รึยังว่าไม่ตั้งครรภ์คะ ควรตรวจซ้ำอีกรึป่าว รอบประจำเดือนที่จะถึงคือวันที่ 20 มกรานี้ค่ะ
    pppnn  พญ.นรมน
    แพทย์

    สวัสดีค่ะคุณผู้ใช้งาน

    การใช้ยาคุมแบบแผงรายเดือนนั้น ควรเริ่มใช้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน เพื่อให้ยาสามารถออกฤทธิ์ได้ทันทีตั้งแต่เม็ดแรก และให้กินติดต่อกันทุกวันจนยาหมดแผง คลาดเคลื่อนไม่เกิน 3 ชั่วโมง และเมื่อกินหมดแผง ให้กินยาแผงใหม่ต่อโดยทันที ประสิทธิภาพยาคุมรายเดือนนั้นประมาณ 99% ขึ้นไป อีกทั้งถ้าใช้ถุงยางร่วมด้วยอีก โอกาสก็จะยิ่งลดลงไปมาก

    จากที่กล่าวมา โอกาสตั้งครรภ์มีได้น้อย อาการปวดท้อง ท้องเสีย ถ้าไม่ได้ถ่ายเหลวออกมามากๆ ไม่น่าจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาคุม

    ปริมาณฮอร์โมนจากรกหรือ beta-hcg ที่ไปตรวจมานั้น สามารถให้ผลที่แน่นอนได้ประมาณ 10-14 วันหลังปฏิสนธิขึ้นไป จึงน่าจะพอบอกได้แล้วว่าไม่น่าจะมีการตั้งครรภ์

    แต่ถ้าไม่สบายใจ สามารถยืนยันด้วยตนเองเช่นการตรวจปัสสาวะซ้ำอีกครั้งที่ 14 วันขึ้นไปแล้วได้ หรือจะกลับไปตรวจเลือดอีกครั้งก็ได้เช่นกัน ร่วมกับสังเกตรอบเดือน ถ้าประจำเดือนมาตามปกติแล้ว ก็ยิ่งเป็นการยืนยันว่าไม่ตั้งครรภ์ และไม่น่าจะต้องกลับไปตรวจซ้ำอีกค่ะ