ถามแพทย์

  • มีแผลที่อวัยวะเพศ คิดว่าเป็นเริม ไปซื้อยาฆ่าเชื้อเริมมาทาน แต่ตอนนี้คิดว่าเป็นแผลริมอ่อน ต้องทำอย่างไร

  •  nnari
    สมาชิก
    มีแผลที่อวัยวะเพศตอนแรกคิดว่าเป็นเริม เลยไปซื้อยาฆ่าเชื้อเริมมาทาน แต่ตอนนี้คิดว่าเป็นแผลริมอ่อนเพราะดูลักษณะแผลแล้วน่าจะเป็นแผลริมอ่อน และมีอาการปวดที่ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ อยากทราบว่าเรากินยาผิดแบบนี้ต้องทำยังไงคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ nnari,

                         แผลที่อวัยวะเพศ อาจเป็น 

                       1. เริมที่อวัยวะเพศ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex virus โดยเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส อาจมี 1 ตุ่มหรือหลายตุ่ม มีอาการแสบร้อนหรือเจ็บปวด ต่อมาตุ่มน้ำจะแตกและกลายเป็นแผล และมีน้ำเหลืองซึมได้ หากเป็นครั้งแรกอาการจะเป็นอยู่นาน 2-4 สัปดาห์ บางรายอาจมีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลียร่วมด้วย ทั้งนี้ บางรายอาจมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตได้ด้วย แผลของโรคเริม สามารถหายได้เอง ส่วนการทานยาต้านไวรัส จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น แต่ไม่ได้ทำให้เชื้อโรคหายไปจากร่างกายได้ โดยเชื้อจะอยู่ในรางกายของเราไปตลอดชีวิต และจะกลับเป็นซ้ำได้อีกโดยไม่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์อีก 

                       2. ซิฟิลิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum โดยเริ่มแรกจะมีตุ่มเล็กๆ เกิดขึ้นตรงบริเวณที่เชื้อเข้า จากนั้นตุ่มจะกลายเป็นแผล และจะเริ่มขยายออกมีขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นแผลกว้าง ขอบแผลเรียบยกนูนและแข็ง พื้นแผลมีสีแดงและดูสะอาด แผลจะไม่เจ็บไม่คัน เรียกว่าแผลริมแข็ง แต่ส่วนใหญ่มักจะมีเพียงแผลเดียว หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ จะมีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตทั้ง 2 ข้าง กดไม่เจ็บ 

                        3. แผลริมอ่อน หรือซิฟิลิสเทียม เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus ducreyi อาการคือจะเริ่มจากแผลเล็กๆ หลายแผล แล้วค่อยๆ ขยายรวมกันเป็นแผลใหญ่ ลักษณะของแผลจะดูแฉะไม่สะอาด มีเนื้อเยื่อเละ ๆ ที่ก้นแผล ส่วนที่ขอบแผลจะนูน ไม่แข็ง และไม่เรียบ และรู้สึกเจ็บ จึงเรียกว่า แผลริมอ่อน ต่อมาต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวมโต และเจ็บ       

                       4. ฝีมะม่วง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia Trachomatis  เริ่มแรกจะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆหรือเป็นแผลตื้น ๆไม่มีอาการเจ็บปวดและหายไปเองภายใน 2-3 วัน ต่อมาต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบจะบวมโตติดกันและกลายเป็นก้อนฝีขนาดใหญ่ ซึ่งจะเจ็บปวดมาก บางรายอาจมีไข้ อ่อนเพลีย เกิดผื่นขึ้นตามตัว ปวดตามข้อ ตาอักเสบ เป็นต้น                         

                       แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูลักษณะของแผลค่ะ ไม่แนะนำให้ซื้อยาทานเอง เพราะหากทานยาที่ไม่ตรงกับโรค โรคก็อาจไม่หาย และอาจได้รับผลข้างเคียงจากยาไปโดยไม่จำเป็นค่ะ ทั้งนี้ การใช้ยารักษาในแต่ละโรคนั้น จะแตกต่างกัน รวมถึงระยะเวลาในการทานด้วยค่ะ