ถามแพทย์

  • กินเหล้ากินเบียร์แล้วจะปวดตรงน่องมาก แต่นอนพักก็หาย จะเป็นเก๊าท์ไหม อายุ 21 ปี

  •  Amorn Rakmae
    สมาชิก
    คือกินเหล้ากินเบียร์ทีจะปวดขามาก ปวดตรงน่อง แต่นอนพักก็หาย มีอยู่วันนึง มากินเบียร์อีก ปวดรุนแรงมาก ทรมานจนร้องไห้ มันปวดเกร็ง ร้อน ร้อนออกมานอกผิวเลย จับดูก็ร้อนมาก ปวดเที่ยงคืน จนตีสามก็ไม่ทุเลา ดิ้นก็ยากเพราะยิ่งดิ้นยิ่งปวด ช่วงปวดมากๆหายใจขัดไปเลยคะ กินไดฟีลีน ยาคลายกล้ามเนื้อพอทุเลาบ้าง เดินได้แต่ก็ยังปวดทุกก้าวเดิน กลัวเก๊าท์มากคะ อายุ 21 เป็นได้ไหมคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Amorn Rakmae,

                            อาการปวดขา หรือปวดกล้ามเนื้อ อาจเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ โดยสาเหตุเกิดจาก

                             - เมื่อมีการดื่มแอลกอฮอล์ ก็จะไปทำให้ร่างกายขาดน้ำ เกิดภาวะเป็น กรดในเลือด จึงเกิดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ แต่มักจะปวดทั่วๆ ตัว 

                             - แอลกอฮอล์อาจไปมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อโดยตรง ทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อลดลง กล้ามเนื้อจึงอ่อนแอลง เมื่อยืนหรือเดินเพียงไม่มาก ก็จะเกิดอาการปวดเมื่อยได้

                            -  ในบางราย การดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป อาจทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อสลายตัว (rhabdomyolysis) ได้ ซึ่งอาการคือ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก กล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มีปัสสาวะเป็นสีน้ำตาลแดงหรือสีเหมือนน้ำโคล่า นอกจากนี้ อาจมีไข้ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว สับสน และอาจถึงขั้นชัก หมดสติได้

                         สำหรับอาการของโรคเก๊าท์นั้นคือ จะมีอาการปวดตามข้อ ไม่ได้ปวดตรงกล้ามเนื้อ ซึ่งข้อที่บ่อย คือ นิ้วหัวแม่เท้า และจะมีอาการบวม แดง ร้อนร่วมด้วย มักปวดมากจนเดินไม่ไหว โดยการปวดจะรุนแรงในช่วง 4-12 ชั่วโมงแรก จากนั้นจะเริ่มปวดน้อยลงและอาการจะดีขึ้นเองภายในไม่กี่วัน

                        ดังนั้น หากมีอาการปวดขา โดยปวดตรงน่อง จึงไม่น่าใช่โรคเก๊าท์ทั้งนี้ หากอาการเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อดื่มเบียร์หรือแอลกอฮอล์เข้าไป ก็ควรงดการดื่มไปค่ะ แต่หากไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ แล้วยังคงอาการปวดมากขึ้นมาอีก ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุค่ะ