เป็นลมบ่อย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น เหงื่อออกเต็มตัว หายใจเร็ว เวียนหัวเป็นระยะ หน้าซีด

สวัสดีค่ะ คุณ Saikoh Mahilea,

อาการเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็น เหงื่อออก หน้ามืด เวียนหัว อาจเกิดจาก

1. เป็นอาการของหน้ามืด เป็นลม ซึ่งแบ่งออกเป็น

- เป็นลมธรรมดา (vasovagal syncope)  มักเกิดในคนที่ร่างกายและหรือจิตใจอ่อนแอ เช่น ไม่สบาย เพิ่งฟื้นไข้ อดนอน หิวข้าว หิวน้ำ มีความเครียด กังวล หงุดหงิด โกรธ หรือกลัว หรือการออกกำลังกาย ทำงานในที่ร้อน อบอ้าวกลางแดด  ก็อาจเป็นลมร้อนหรือลมแดดได้ (heat syncope)

อาการคือจะรู้สึกหัวเบา ตัวเบาๆ ปั่นป่วนในท้อง คลื่นไส้ ขนลุก หน้าซีด มือเท้าเย็นซีด เหงื่อแตก  กลั้นปัสสาวะไม่ไหว ตาพร่ามัว มองไม่ชัด สิ่งรอบตัวมืดลงหรืออาจเห็นเป็นสีขาวโพลนก็ได้ แล้วจึงหมดสติไป  หลังจากนั้นจึงจะค่อยๆ ฟื้นคืนสติในเวลาไม่กี่นาที แต่อาจจะรู้สึกมึนงง อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ไม่มีแรง และรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่เป็นเวลาอีก 1-2 ชั่วโมง หรือนานกว่านั้นได้

 -  เป็นลมเมื่อเปลี่ยนท่า (orthostatic hypotension)  คืออาการหน้ามืด เป็นลมเป็นเมื่อเปลี่ยนจากท่านอนเป็นท่านั่ง หรือท่ายืน โดยเฉพาะถ้าลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วจากท่านอนหรือท่านั่ง มักพบในผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่ต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ได้รับยาบางชนิด ร่างกายขาดน้ำหรือเสียน้ำและเลือดมาก หรือมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดในสมอง โรคลมชัก โรคหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เป็นต้น อาการก็จะเหมือนกับการเป็นลมธรรมดา

-  เป็นลมเพราะเบ่ง (valsalva maneuver syncope) เป็นอาการหน้ามืด เป็นลมที่เกิดขึ้นหลังการกลั้นหายใจแล้วเบ่ง เช่น เวลาเบ่งอุจจาระในขณะท้องผูกมาก ๆ ขณะที่กำลังจะยกของหนัก ๆ หรือผลักของหนัก ๆ ให้เคลื่อนที่ เป็นต้น ซึ่งเกิดจากเลือดเข้าสู่หัวใจน้อยลง ในขณะที่กลั้นหายใจแล้วเบ่ง ทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย รวมทั้งสมองน้อยลง ซึ่งอาการก็เหมือนกับการเป็นลมธรรมดาเช่นกัน

2. เป็นอาการของวัยก่อนหมดประจำเดือนและวัยหมดประจำเดือน ซค่งอาจทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบ เหงื่อออก เวียนหัวได้ แต่ก็ไม่น่าทำให้ถึงขั้นหน้ามืด

3. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด

4. มีโรคของระบบต่อมไร้ท่อ เช่น ไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ ฮอร์โมนของต่อมหมวกไตผิดปกติ เป็นต้น

แนะนำว่าหากยังคงมีอาการเกิดขึ้นต่อเนื่องหรือเป็นอยู่บ่อยๆ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาค่ะ ในเบื้องต้น ก็ควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ทานอาหารให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด เปลี่ยนท่าทางช้าๆ เป็นต้น