ถามแพทย์

  • มีอาการปวดเมื่อยตามไหล่ซ้าย ข้อมือขวา สะโพก ข้อเท้า ข้อศอก เจ็บสลับกัน แต่สะโพกขวาเจ็บตลอด ตาก็เริ่มพล่ามัว หมอที่ดูอาการอยู่ตอนนี้เขาบอกว่าเป็นรูมาตอยด์ แล้วก็แนะนำให้ใช้ยา อาร์มิกซ์

  •  Atcharawan Suwansut
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณหมอ คือแม่ของหนูมีอาการปวดเมื่อยตามไหล่ซ้าย ข้อมือขวา สะโพก ข้อเท้า ข้อศอก เจ็บสลับกัน แต่สะโพกขวาเจ็บตลอด ตาก็เริ่มพล่ามัว หมอที่ดูอาการอยู่ตอนนี้เขาบอกว่าเป็นรูมาตอยด์ แล้วก็แนะนำให้ใช้ยา อาร์มิกซ์ เขาบอกว่าใช้ยาตัวนี้เเล้วจะหายชัวร์ หนูไม่แน่ใจว่าจะให้แม่ใช้ยาตัวนี้ดีไหม หนูควรทำยังไงดีคะ คุณหมอช่วยแนะนำหนูหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Atcharawan เวลาแพทย์ทำการรักษรูมาตอยด์ จะเป้าหมายหลักของการรักษา มีดังต่อไปนี้ค่ะ
    • เพื่อลดอาการปวด
    • เพื่อลดการอักเสบ
    • ป้องกันไม่ให้ข้อเสียรูป จนไม่สามารถใช้งานได้
    • การทำให้ข้อที่ใช้งานไม่ได้กลับมาใช้งานได้
    • สุดท้ายคือ รักษาอาการที่เกิดกับอวัยวะอื่นๆ
    ยาที่ใช้รักษาโรคข้อรูมาตอยด์ ปกติแพทย์จะใช้ยาหลายตัวควบคู่กัน เพื่อจุดประสงค์ในการรักษาตามข้างต้น ยาที่นิยมใช้ เช่น
    • กลุ่มยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เรียกว่าNSAIDs ทำหน้าที่ลดอาการปวดบวมที่เกิดจากการอักเสบ แต่ไม่ได้แก้ไขที่ต้นเหตุโรค
    • ยากลุ่มสเตียรอยด์ นอกจากช่วยลดการอักเสบแล้ว ยังสามารถช่วยลดความเร็วในการดำเนินโรคได้ ผลข้างเคียงที่เกิดได้จากการใช้ยานี้ เช่น โรคแผลในกระเพาะอาหาร การติดเชื้อ และโรคกระดูกพรุน จึงนิยมใช้ในขนาดต่ำ
    • ยา DMARDs (Disease-modifying antirheumatic drugs) เป็นยาที่ช่วยลดการอักเสบ เช่นกัน แต่ยังสามารถลดความรุนแรงของโรคได้อีก ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น ยา methotrexate และยาต้านมาลาเรีย
    • ยาต้านการทำงานของสารเคมีที่สัมพันธ์กับภูมิต้านทานโรค  TNF-alpha และ IL-1 สารทั้งสองชนิดนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดการอักเสบของข้อ ยาต้านจึงช่วยลดการอักเสบและการดำเนินโรคได้
    • กลุ่มยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย เช่น ยาเคมีบำบัดรักษามะเร็ง Cyclophosphamide,Cyclosporine และ Azathiopine ยากลุ่มนี้สามารถยับยั้งการอักเสบและการดำเนินโรคได้เหมือน DMARDs แต่จากผลข้างเครียงที่มีมากกว่าจึงจะใช้หลังจากที่การรักษาด้วยยากลุ่ม DMARDs แล้วไม่ได้ผล
    สำหรับ R-mix หรือ Resveratrol ในแนวเวชปฏิบัติ เพื่อการวินิจฉัยและการดูแลรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ประเทศไทยฉบับล่าสุด ยังไม่มีการเขียนถึงรูปแบบการใช้ยาอย่างชัดเจน แนะนำให้ปรึกษากับแพทย์ผู้สั่งจ่ายยาโดยตรงเพิ่มเติมในกรณีที่มีข้อสงสัยค่ะ