ถามแพทย์

  • หลังมีเพศสัมพันธ์ มีอาการคันที่ช่องคลอด จี๊ดๆ เวลาปัสสาวะ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียไหม

  •  Tinna Suksri
    สมาชิก
    หลังมี พสพ(หลั่งใน) กับเเฟนมีอาการคันที่ช่องคลอด รู้สึกจี๊ดๆเวลาปัสวะ นี่ใช่อาการติดเชื้อเเบคทีเลียมั้ยคะ แต่หลังมี พสพ เสร็จทำความสะอาดอย่างดี เเต่ก้ยังคันค่ะ เกิดจากอะไรได้บ้างคะ

    สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,

                     อาการของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะส่วนล่างนั้น อาการได้แก่ ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขัด เจ็บขณะปัสสาวะ ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะขุ่นหรือมีเลือดปนออกมา เป็นต้น แต่จะไม่ได้ทำให้มีอาการคันในช่องคลอดค่ะ

                      ดังนั้น หากมีเฉพาะอาการคันในช่องคลอด ไม่มีอาการผิดปกติทางปัสสาวะ ก็ไม่ใช่อาการของทางเดินปัสสาวะอักเสบติดเชื้อ หรือกระเพาะปัสสาวะอักเสบติดเชิ้อ แต่อาจเกิดจากสาเหตุ เช่น

                  1. การติดเชื้อราในช่องคลอด นอกจากมีอาการคันเป็นหลักแล้ว มักมีตกขาวที่ผิดปกติด้วย คือมีตกขาวมีปริมาณมาก มีสีขาวขุ่นจับตัวเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียกหรือนมบูด

                  2. การระคายเคืองหรือแพ้สัมผัสจากสารเคมีต่างๆ เช่น อาจแพ้ผงซักฟอก  หรือน้ำยาที่ใช้ซักกางเกงใน แพ้น้ำยาปรับผ้านุ่ม แพ้ผ้าอนามัย แพ้แป้งที่นำมาทาบริเวณอวัยวะเพศภายนอก รวมถึงแพ้เนื้อผ้ากางเกงใน เป็นต้น

                  3. การเปียกชื้นบริเวณอวัยวะเพศเช่น ชุดชั้นในรัดมากเกินไป ไม่ระบายอากาศ หรือเหงื่อออกมาก หรือเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ ก็ได้

                  4. มีโรคหูดบริเวณอวัยวะเพศ

                  5. มีแผลฉีกของช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์

                  6.เหาที่ขนอวัยวะเพศหรือโลน

                   7. มีพยาธิเส้นด้ายหรือพยาธิเข็มหมุดจากในทวารหนักเข้ามาอยู่ที่ปากช่องคลอด

                  ในเบื้องต้น ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งต่างๆ บริเวณช่องคลอด เช่น ไม่สวนล้างช่องคลอด ไม่ทาแป้ง ไม่ทาโลชั่นใกล้ๆ อวัยวะเพศ เป็นต้น และพยายามอย่าให้อวัยวะเพศอับชื้น โดยเช็ดให้แห้งหลังเข้าห้องน้ำ ใส่กางเกงในที่ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป และกางเกงในควรซักให้สะอาด ตากแดดให้แห้งเสมอ เป็นต้น แต่หากยังคงมีอาการคันมากอยู่ อาจงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน หากยังไม่หาย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ