ประจำเดือนไม่มา เวียนศีรษะ คลื่นไส้ หลังฉีดยาคุมแบบ 3 เดือน ใช่อาการแพ้ไหมค่ะ?

 สวัสดีค่ะ คุณ youagoda,

                       หากฉีดยาคุมกำเนิดภายในไม่เกิน 5 วันนับตั้งแค่วันแรกที่มีประจำเดือน ยาฉีดคุมกำเนิดจะสามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที แต่หากฉีดในเวลาอื่นนอกจากนี้ ยาจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อฉีดไปแล้วอย่างน้อย  7 วัน

                    ในกรณีของคุณ youagoda หากมีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งแรกหลังจากฉีดไปแล้ว  2 สัปดาห์ ยาฉีดก็จะสามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้แล้วค่ะ โดยหากฉีดได้อย่างถูกต้อง คือฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อ ไม่ได้มีการนวดคลึงบริเวณที่ฉีดยา ยาก็จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% ดังนั้นโอกาสที่จะตั้งครรภ์นั้นถือว่าน้อยมาก

                      สำหรับผลข้างเคียงของยาฉีดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (แบบฉีดทุก 2 เดือน หรือทุก 3 เดือน) ที่พบบ่อยได้บ่อยคือ การมีเลือดออกกะปริดปะปรอย บางรายอาจมีประจำเดือนมามาก ส่วนใหญ่จะพบในการฉีดเข็ม 1-2 เข็มแรก หลังจากนั้นประจำเดือนจะค่อยๆ มาน้อยลง จนกระทั่งขาดหายไป ผลข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น เวียนหัว ปวดหัว คลื่นไส้ ปวดท้อง อ่อนเพลีย  น้ำหนักตัวเพิ่ม อารมณ์แปรปรวน เป็นต้น

                   ดังนั้นอาการต่างๆ ที่คุณ youagoda เป็นอยู่ จึงอาจเป็นผลข้างเคียงของยาฉีดคุมกำเนิดได้ค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่อาการต่างๆ จะค่อยๆ น้อยลงเมื่อฉีดในเข็มต่อๆ ไป (ยกเว้นอาการที่ประจำเดือนไม่มา ซึ่งมักจะขาดหายไปเลย) แต่หากอาการยังคงเป็นมากอยู่ อาจพิจารณาเปลี่ยนวิธีคุมกำเนิดค่ะ

                    อีกกรณีหนึ่งที่เป็นไปได้คือ เกิดการตั้งครรภ์ก่อนที่จะฉีดยาคุมค่ะ ดังนั้นหากมีเพศสัมพันธ์ก่อนที่จะเริ่มฉีดยาคุมกำเนิด และประจำเดือนไม่มาตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มฉีดยาคุม ควรตรวจหาการตั้งครรภ์ดูค่ะ