ตรวจซิฟิลิสพบเชื้อ 1:4 อยู่ระดับที่เท่าไหร่ กลัวรักษาไม่หาย

สวัสดีค่ะ คุณ Own092538,

                 หากตรวจเลือดหาการติดเชื้อซิฟิลิส ( VDRL  titer) แล้วได้ค่า 1:4 แสดงว่ามีการติดเชื้อซิฟิลิสเกิดขึ้น 

                  ทั้งนี้ หากก่อนหน้านี้ มีแผลเกิดขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปาก (กรณีทำออรัลเซ็กส์)  และยังไม่ได้มีอาการผิดปกติอื่นๆ เช่น  มีไข้ต่ำ ๆ เป็นครั้งคราว ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ผื่นขึ้นทั่วตัว ปวดตามกระดูก ปวดตามข้อเนื่องจากข้ออักเสบ ผมร่วงทั่วศีรษะหรือร่วงเป็นหย่อม ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น ก็แสดงว่าอยู่ในระยะที่ 1 กำลังเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการเป็นโรค ซึ่งการรักษา ก็คือการฉีดยาปฏิชีวนะเบนซาทีนเพนิซิลลิน (Benzathine penicillin) นขนาด 2.4 ล้านยูนิตเข้ากล้ามเนื้อเพียงครั้งเดียว

                  แต่หากกำลังมีอาการผิดปกติต่างๆ ดังกล่าว หรือเคยมีอาการแต่ได้หายไปแล้วยังไม่นานเกิน  2 ปี ก็แสดงว่ากำลังอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งการรักษาคือการฉีดยาปฏิชีวนะเช่นกัน แต่อาจฉีดซ้ำอีกครั้งในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา

                  แต่หากเคยมีอาการดังกล่าว แต่หายไปนานเกิน 2 ปีแล้ว จะเรียกว่าอยู่ในระยะแฝง หรือ ระยะสงบ (Latent syphilis) ซึ่งการรักษา จะฉีดยาปฏิชีวนะจำนวน 3 ครั้ง โดยฉีดห่างกันทุก 1 สัปดาห์ 

                   สำหรับระยะที่ 3 ของการเป็นโรค (Tertiary syphilis) ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายของโรค เชื้อจะเข้าสู่สมองและไขสันหลัง ทำให้เป็นอัมพาต บ้านหมุน เดินเซ ชัก ความจำเสื่อม ตามัว ตาบอด หูตึง หูหนวก บุคลิกภาพเปลี่ยนไป อาจเสียสติ และอาจรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้น หากยังไม่ได้มีอาการผิดปกติต่างๆ เหล่านี้ ก็ยังไม่ได้เข้าสู่ระยะที่ 3 ค่ะ 

                  ดังนั้น แนะนำควรรับการรักษาจากแพทย์ และติดตามอาการ ซึ่งหากยังอยู่ในระยะที่ 1-2 การรักษาก็จะมีโอกาสหายได้มากค่ะ ไม่ต้องกังวลไปค่ะ