ถามแพทย์

  • หลังมีเพศสัมพันธ์ ตกขาวมีสีเหลืองและมีกลิ่น มีอาการคันภายนอก เป็นอาการอะไร ไม่เคยเป็นมาก่อน

  •  NA PA
    สมาชิก
    สวัสดีค่ะ หนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟน (คนแรกและคนเดียว) มาประมาณ 8-9 ครั้งตั้งแต่คบกันมา ครั้งล่าสุดคือวันที่ตกขาวมาเพราะประจำเดือนจะมา หลังมีเพศสัมพันธ์ตกขาวมีสีเหลือง มีกลิ่น ซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน มีอาการคันภายนอก แต่ไม่มีอาการปวดแสบปวดร้อนตอนมีเพศสัมพันธ์ และหนูทำจมูกกินยาแก้อักเสบ ยาลดน้ำมูก ยาแก้ปวด ใบบัวบกแคปซูล เป็นเวลา 1 สัปดาห์ด้วย อยากทราบว่าสาเหตุเกิดจากการกินยาตลอด 1 สัปดาห์หรือเกิดจากอะไรคะ

    สวัสดีครับ คุณ NAPA 

         การที่ตกขาว มีลักษณะเปลี่ยนเเปลงไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น ปริมาณมากขึ้น มีสีที่ผิดปกติไป เช่น สีเหลือง สีเขียว มีสีน้ำตาล มีลักษณะเป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น มีเลือดปน มีอาการคันช่องคลอด หรือคันอวัยวะเพศภายนอก 

     

    ส่วนมากสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด เช่น

    -การติดเชื้อรา (Vulvovaginal candidiasis) คือ ตกขาวจะมีลักษณะเป็นก้อนสีขาว หรือสีเหลือง คล้ายนมบูด มีอาการเเสบคันช่องคลอด หรืออวัยวะเพศภายนอกร่วมด้วย 

    -แบคทีเรีย (Bacterial vaginosis) เกิดจากการเสียสมดุลของภาวะกรดด่างในช่องคลอด มีกลิ่นเหม็น แสบคันช่องคลอดไม่มาก 

    -ปรสิต (Trichomonas vaginalis) ตกขาวมีปริมาณเยอะขึ้น มีสีเหลือง สีเขียว อาจมีเลือดปนได้บ้าง แสบคันช่องคลอดมาก บางครั้งตกขาวเหมือนหนอง หรือมีเลือดปน คู่นอนอาจมีสารคัดหลั่งลักษณะคล้ายกันออกจากอวัยวะเพศ 

    -หนองใน (Gonorrhea) สามารถมีตกขาวที่เหมือนหนอง ขาวข้น อาจมีเลือดปน บางครั้งมีปัสสาวะเเสบขัดร่วยด้วย 

     

        ซึ่งการรับประทานยาฆ่าเชื้ออาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ หากเกิดจากเชื้อราสามารถใช้ยาเหน็บรักษาเชื้อราได้ครับ

    แต่อย่างไรก็ตามแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจอีกครั้งเพื่อแยกสาเหตุของเชื้อ เนื่องจากใช้ยาในการรักษาไม่เหมือนกันครับ