-
มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ ได้ใส่ถุงยางป้องกัน ต่อมาถอดถุงยาง อีกฝ่ายใช้มือช่วย เสี่ยงติด HIV ไหม ทานยา PEP ไปที่ 70 ชั่วโมงหลังมีความเสี่ยง จะป้องกันได้ไหม
-
Nov 20, 2022 at 10:54 AM
ผมไปมีความเสี่ยงมา ก็คือใส่ถุงป้องกันตามปกติ ตอนแรกก็สอดใส่ สักพักให้เค้าใช้มือช่วย สุดท้ายให้เค้าถอดถุงใช้มือช่วย แต่ผมมีเหมือนสิวหรือว่าผิวหนังอักเสบที่อวัยวะเพศ แล้วพอเสร็จกิจก็ลองจับที่บริเวณที่มีสิวดู ก็ไม่มีเลือดออก แต่มันแดงๆ ไม่มั่นใจว่าสิวแตกมั้ย คือผมกังวลว่า สารคัดหลั่งในช่องคลอดจะติดผ่านทางแผลสิวถ้าเกิดว่าสิวแตก แล้วผมพึ่งมาได้รับยา pep ตอนประมาณ 70 ชั่วโมง ผมได้ Edurant กับ Tenof em คือตอนกินครั้งแรกกินหลังอาหารอาจจะเกิน 30 นาที คือผมกินข้าวตอนรอผลเลือดแล้วถึงได้ยามากิน 1.ประสิทธิภาพของยาจะลดลงเยอะมั้ยครับ กังวลมาก ตอนนี้กินมาได้ 6 วันแล้ว 2.ถ้าไปตรวจNATจะมีประโยชน์มั้ยครับ ผ่านหลังเสี่ยงมาแล้ว 8 วัน 3.คุณหมอคิดว่ามีความเสี่ยงจะติดมากมั้ยครับNov 20, 2022 at 01:58 PM
สวัสดีค่ะ คุณ KAKO,
การมีเพศสัมพันธ์ โดยการสอดใส่เข้าช่องคลอดหรือทวารหนัก หากใส่ถุงยางอนามัยอยู่ และถุงยางไม่ฉีกขาด ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำในการติดเชื้อ HIV ค่ะ ส่วนการที่หลังจากนั้น ได้ถอดถุงยางอนามัย แล้วอีกฝ่ายใช้มือจับถูไถอวัยวะเพศ หากมือของอีกฝ่าย ไม่ได้มีการเปื้อนน้ำหล่อลื่นของฝ่ายนั้น ก็ไม่ได้ถือว่าทำให้ติดเชื้อ HIV มาค่ะ แม้ที่อวัยวะเพศ จะมีตุ่มสิวหรือมีการอักเสบของผิวหนังก็ตามค่ะ ดังนั้น ในกรณีเหตุการณ์นี้ ถือว่ามีความเสี่ยงต่ำในการติดเชื้อ HIV รวมถึงเชื้อโรคอื่นๆ ของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ค่ะ
ส่วนการที่ทานยาต้านไวรัสฉุกเฉิน (PEP) หลังจากที่ไปมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 70 ชั่วโมง ก็ถือว่ายาสามารถที่จะป้องกันได้อยู่ค่ะ ประสิทธิภาพก็จะอยู่ที่ประมาณ 80% ค่ะ
สำหรับการจะตรวจหาการติดเชื้อ HIV นั้น โดยปกติ ก็จะต้องตรวจก่อนการทานยา และเมื่อได้เริ่มทานยาไปแล้ว โดยปกติ จะไม่ได้มีการตรวจหาในระหว่างนั้นค่ะ เพราะถือว่าผลอาจไม่แน่นอน ต้องรอให้ทานยาให้ครบก่อน แล้วจึงไปตรวจที่ 1 และ 3 เดือนหลังจากที่ทานยาครบแล้วค่ะ
-
ถามแพทย์
-
มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ ได้ใส่ถุงยางป้องกัน ต่อมาถอดถุงยาง อีกฝ่ายใช้มือช่วย เสี่ยงติด HIV ไหม ทานยา PEP ไปที่ 70 ชั่วโมงหลังมีความเสี่ยง จะป้องกันได้ไหม