ทำยังไงถึงจะหาย

สวัสดีค่ะ คุณ phatcharirat,

             อาการปวดประจำเดือน (dysmenorrhea) เกิดจากการบีบตัวของมดลูก โดยเยื่อบุมดลูกจะผลิตสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ซึ่งสารนี้จะกระตุ้นให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น โดยเฉพาะช่วง 1-2 วันแรกที่รอบเดือนมา มักเกิดในช่วงวัยรุ่นหรือ 2-3 ปีแรกของการมีประจำเดือน เมื่ออายุมากขึ้น อาการปวดจะน้อยลง

           แต่หากมีอาการปวดมากผิดปกติ อาการปวดเป็นรุนแรงขึ้นในแต่ละรอบ อาจมีสาเหตุต่างๆ เช่น  เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก ช๊อกโกแลตซีสต์ การใส่ห่วงคุมกำเนิด หรือการมีพังผืดในช่องท้อง ซึ่งพังผืดอาจเกิดจากเคยมีการอักเสบในอุ้งเชิงกราน ทำให้เกิดการดึงรั้งของพังผืดกับเยื่อบุช่องท้องหรือเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดได้

            สำหรับอาการจุกแน่นตรงบริเวณกลางอก หายใจไม่ออก อาจเป็นอาการของกรดไหลย้อน หรือกระเพาะอาหารอักเสบ

            เบื้องต้นแนะนำให้ใช้วิธีการประคบอุ่นที่ท้องน้อยด้วยกระเป๋าน้ำร้อน เพราะความร้อนจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงอยู่ผ่อนคลายลงและช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้ การอาบน้ำอุ่น การแช่น้ำอุ่นในอ่าง ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลมหรือช็อกโกแลต เพราะกาเฟอีนจะทำให้อาการปวดประจำเดือนแย่ลง ทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง เช่น ผักใบเขียวสีเข้มต่างๆ กล้วย ถั่วต่างๆ เนื้อปลา เป็นต้น ฯลฯ เพราะแมกนีเซียมสามารถช่วยลดสารโพรสตาแกลนดินที่ถูกหลั่งออกมาในช่วงมีประจำเดือนได้ ไม่ใส่เสื้อผ้าที่รัดช่วงเอวแน่นเกินไป เช่น กางเกงยืดรัดรูป ยีนส์ขาเดฟ ยีนส์เอวสูง อาจทานแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล (paracetamol) แต่ไม่แนะนำให้ทานยาในกลุ่มยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) เช่น พอนสแตน (ponstan) ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) เนื่องจากคุณ phatcharirat มีอาการจุกแน่นตรงบริเวณกลางอกร่วมด้วย

               สำหรับจุกแน่นตรงบริเวณกลางอก หายใจไม่ออก แนะนำให้ทานอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด ไขมันไม่สูง ทานครั้งละน้อย เป็นต้น

               หากอาการปวดยังไม่ดีขึ้น หรือมีเลือดประจำเดือนออกมาปริมาณมากร่วมด้วย แนะนำให้ไปพบสูติ-นรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุนะคะ