-
อายุ 42 ปี เคยตรวจพบเป็นนิ่ว ต่อมาตรวจไม่พบ แต่มีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด และมีท้องผูก
-
Mar 22, 2020 at 07:57 AM
สวัสดีค่ะ ดิฉันอายุ42 แต่งงาน ไม่มีบุตร เพราะดิฉันเป็นทารัสซีเมียและมีนิ่วในถุงน้ำดีเพราะโรคนี้ คำถามแรก ดิฉันทานยาคุมกำเนิดมานับ10ปี ตอนนี้ก็ยังทานอยู่ คุณหมอว่าดิฉันควรเปลี่ยนการคุมกำเนิดไม๊คะ คำถามที่2 เมื่อต้นเดือนมีนาคมดิฉันมีอาการเจ็บเล็กๆ ตรงท้องด้านขวาบน และแสบทรวงอก อืดท้อง อาหารไม่ย่อย ไปหาหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งนึง ตรวจเลือด อัลตร้าซาวไม่พบอะไร ดิฉันบอกหมอว่าดิฉันมีนิ่ว พบนิ่วตอนเช็กอัพเมื่อ10ปีก่อน หมอบอกไม่พบอะไร ไม่มีการติดเชื้อ ดิฉันจึงถามต่อแล้วอาการแสบ อก ท้องอืด อาหารไม่ย่อยจะทำอย่างไร หมอท่านนี้จัดยา กาวิจคอน ดูล กับยาลดการหลั่งกรด และ motilium-m และดิฉันได้ถามเกี่ยวกับยาสลายนิ่ว หมอก็จัดยาสลายนิ่วมาให้3เดือน เพื่อทดลองตามคำขอของดิฉัน ทาน 3เวลา พอทานยาที่หมอท่านนี้จัดให้ประมาณ1อาทิตย์ ดิฉันท้องผูกถึงวันนี้เลยค่ะ มีอาการเจ็บท้องด้านซ้ายล่าง ทานได้น้อยเพราะดิฉันมีอาการอิ่ม ดิฉันทานผัก ผลไม้อยู่แล้ว ทำให้สงสัยว่าทำไมท้องผูก นี่ก็เลิกทานยาทั้งหมดแล้ว ต้องเรียนให้หมอทราบด้วยค่ะว่าดิฉันเช็กอัพเมื่อปีที่แล้ว ปกติทุกอย่าง ปีนี้ดิฉันว่าจะไปตอนอะไรๆเกียวกับไวรัสดีขึ้นก่อนค่ะ แต่ตินนี้ระบบการทำงานในท้องดิฉันปั่นป่วนมาก ไม่ทราบเกิดจากสาเหตุใดคะ ขอยคุณค่ะMar 22, 2020 at 01:20 PM
สวัสดีค่ะ คุณ Ratcha,
หากยังต้องการคุมกำเนิดอยู่ ก็อาจทานยาคุมกำเนิดต่อไป หรืออาจเลือกวิธีคุมกำเนิดอื่นๆ ก็ได้ เช่น ยาฉีดคุมกำเนิด ยาฝังคุมกำเนิด ห่วงคุมกำเนิด เป็นต้น ทั้งนี้ หากการตรวจอัลตราซาวด์ล่าสุด ไม่พบนิ่วในถุงน้ำดีแล้ว ก็สามารถที่จะทานยาคุมกำเนิดต่อไปได้ค่ะ และหากไม่ตรวจพบนิ่วในถุงน้ำดี ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาสลายนิ่วต่อไปค่ะ
สำหรับอาการแสบหน้าอก ท้องอืด อาหารไม่ย่อย หากอาการดีขึ้ยแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาลดกรด กาวิสคอน และ motilum ต่อ แต่หากยังมีอาการก็ควรทานยาต่อไปก่อน และปฏิบัติตัวต่างๆ เช่น การเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอดต่างๆ อาหารผัด ไม่ทานอาหารรสจัด ไม่ทานเผ็ด ไม่ทานและกลืนเร็ว ไม่ทานอาหารครั้งละปริมาณมากเกินไป ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ รวมถึงชา กาแฟ โกโก้ แอลกอฮอล์ เป็นต้น
ส่วนอาการท้องผูก อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น การที่ทานอาหารได้ปริมาณน้อย ดื่มน้ำน้อย ลำไส้ไม่ค่อยเคลื่อนไหวจากการที่ไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย การมีความเครียด วิตกกังวล เป็นต้น นอกจากนี้ การทานยาลดกรด ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ท้องผูกได้เช่นกัน ดังนั้น หากไม่มีอาการแสบหน้าอก ปวดท้องแล้ว ก็ไม่ควรทานยาลดกรดต่อค่ะ
ในเบื้องต้น ก็ควรดื่มน้ำเปล่ามากๆ อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เน้นทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง จำพวกผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆ และอาจทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวอาจช่วยให้ถ่ายง่ายขึ้นได้ หมั่นขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย หรือออกกำลังกายเพื่อให้ลำไส้เคลื่อนไหว เป็นต้น หากยังคงไม่ถ่ายอุจจาระ อาจทานยาระบาย เช่น ยาแมกนิเซียม ไฮดรอกไซด์ (Magnesium hydroxide) ยาดัลโคแลค (Dulcolax) ยาบิซาโคดิล (Bisacodyl) ยาเซนโนไซด์ (Sennosides) เป็นต้น แต่หากยังคงไม่ถ่ายอุจจาระ หรือยังมีท้องผูกเกิดขึ้นบ่อยๆ ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ
-
ถามแพทย์
-
อายุ 42 ปี เคยตรวจพบเป็นนิ่ว ต่อมาตรวจไม่พบ แต่มีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด และมีท้องผูก