ถามแพทย์

  • ไม่ถ่ายอุจจาระมา 2 สัปดาห์ มีปวดท้อง ท้องอืด มีท้องผูกมาตั้งแต่เด็กแล้ว

  •  fenriz
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณหมอ หนูมีอาการท้องผูกหนักมากๆคือจะสองสัปดาห์แล้วยังไม่อึเลยค่ะผายลมอย่างเดียวแล้วหนูมีอาการปวดท้องแต่ไม่ใช่ปวดท้องอึและท้องอืดร่วมด้วยค่ะ มันเป็นอะไรหรอคะ คือหนูท้องผูกมาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะแต่ครั้งนี้มันหนักไป

    สวัสดีค่ะ คุณ fenriz,

                        อาการท้องผูกที่เป็นมานานแล้ว อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น

                      1. การเคลื่อนไหวของลำไส้ลดลง เพราะขาดตัวกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ จากการที่มีปริมาณอุจจาระน้อย เช่น เกิดจากการกินอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย หรือขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น การนั่งทำงานทั้งวัน ทำให้ลำไส้ไม่บีบเคลื่อนตัว

                       2. จากปัญหาทางอารมณ์ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ส่งผลให้ลำไส้ลดการบีบตัวลง

                       3. การเบ่งถ่ายอุจจาระผิดวิธี ซึ่งเกิดจากการทํางานไม่ประสานกันของกล้ามเนื้อที่ควบคุมการเบ่งอุจจาระ คือมีการออกแรงเบ่งพร้อมกับขมิบหูรูดทวารหนักไปด้วย เมื่อแรงเบ่งมีไม่มากพอที่จะเอาชนะแรงต้านบริเวณหูรูด อุจจาระก็ไม่สามารถจะเคลื่อนออกมาได้ หรือมีการเบ่งถ่ายขณะหายใจเข้าแล้วแขม่วท้อง  

                        4. การทำงานของลำไส้ใหญ่ผิดปกติ หรือภาวะลำไส้เฉื่อย เป็นการที่ลำไส้ใหญ่เคลื่อนไหวน้อยลงทําให้อุจจาระเคลื่อนลงมาช้ากว่าปกติ 

                        5. มีความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการขับถ่ายทำงานผิดปกติรวมถึงภาวะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำงานผิดปกติ มักพบในผู้หญิงวัยกลางคน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเบ่งอุจจาระไม่ออกหรือกลั้นถ่ายอุจจาระไม่ได้

                        6. การทานยาบางชนิด ซึ่งมีผลข้างเคียงทำให้ท้องผูกได้ เช่น ยาลดกรด ยารักษาอาการซึมเศร้า ยากันชัก ยาเสริมแคลเซียมและธาตุเหล็ก ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ เป็นต้น

                         7. การเสียสมดุลของฮอร์โมน เช่น ตั้งครรภ์ ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ เป็นต้น

                         8. โรคไส้ตรงปลิ้น  (Rectal prolapse)

                         9. มีการอุดตันภายในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก เช่น มีเนื้องอกหรือมะเร็งของลำไส้ใหญ่ แต่หากเป็นมานานหลายปีแล้ว ก็ไม่ใช่สาเหตุ

                         ส่วนอาการปวดท้อง ท้องอืดที่เกิดขึ้น ก็อาจเกิดจากการที่มีอุจจาะตกค้างอยู่ในลำไส้ เนื่องจากมีท้องผูกมานานเรื้อรัง ซึ่งการมีภาวะอุจจาระตกค้างในลำไส้ จะทำให้มีอาการต่างๆ ได้แก่ ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง ไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ต้องใช้แรงในการเบ่งอุจจาระอย่างมาก รู้สึกว่าอุจจาระไม่สุด หรืออุจจาระไม่หมดท้อง มีเลือดปนอุจจาระ ปัสสาวะบ่อยจากการที่กระเพาะปัสสาวะถูกกดทับ  ปวดหลังส่วนล่าง หายใจติดขัด  ต้องหายใจลึกๆ ตลอดเวลา ทานอาหารได้น้อยมาก เบื่ออาหาร  ขมคอ เรอเปรี้ยว ผายลมบ่อย อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เป็นต้น

                         หากไม่ถ่ายอุจจาระมานาน 2 สัปดาห์แล้ว แนะนำว่าควรต้องไปพบแพทย์เพื่อให้ยาระบายหรือใช้วิธีที่เหมาะสมเพื่อให้ถ่ายอุจจาระออกมาให้ได้ค่ะ ไม่ควรปล่อยไว้ หากอุจจาระตกค้างจนลำไส้อุดตัน อาจมีโอกาสลำไส้ทะลุได้ค่ะ 

                       สำหรับการรักษาผู้ที่มีอาการท้องผูกรุนแรงและเรื้อรัง จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ หากเกิดจากการที่ลำไส้ทำงานน้อยผิดปกติ ก็จะรักษาที่ต้นเหตุและอาจให้ยาเพื่อกระตุ้นให้ประสาทลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น แต่หากเกิดจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูดที่ควบคุมการขับถ่ายทำงานผิดปกติ ภาวะกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานทำงานผิดปกติและความผิดปกติทางทวารหนักส่วนปลาย การรักษาอาจใช้การฉีดยาโบท็อกซ์หรือการผ่าตัดแก้ไขค่ะ ดังนั้น ไม่ควรปล่อยอาการท้องผูกต่อไป ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางและหาสาเหตุเพื่อรักษาค่ะ

                        นอกจากนี้แล้ว ก็ควรปรับพฤติกรรมในการขับถ่ายร่วมด้วย  โดยการฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเช้าหลังตื่นนอน ประมาณ 5-7 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ฝึกเบ่งถ่ายอุจจาระอย่างถูกวิธี  โดยนั่งบนโถชักโครกแล้วโค้งตัวไปด้านหน้าเล็กน้อย และควรมีที่วางเท้าให้เหนือจากพื้น เพื่อออกแรงเบ่งอุจจาระได้ดีขึ้น และอาจใช้มือกดท้องด้านซ้ายล่างขณะขับถ่ายเพื่อช่วยกระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้ดีขึ้น ไม่ควรเกร็งตัวขณะถ่าย ลดอาหารที่มีไขมันสูง เพิ่มการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ต่างๆ ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน ไม่กลั้นอุจจาระเด็ดขาด ควรขับถ่ายทันทีที่ปวด หากยังไม่ปวดอุจจาระแต่จำเป็นต้องออกนอกบ้าน ไม่ควรพยายามเบ่งขณะที่ยังไม่ปวด เนื่องจากการเบ่งอุจจาระแรงๆ เป็นการกระตุ้นและเพิ่มแรงดันในลำไส้  หากทำบ่อยๆ อาจทำให้ลำไส้โป่งพอง เกิดริดสีดวงทวารได้ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้นค่ะ