ถามแพทย์

  • หยุดทานยาคุม ได้มีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนไม่มา ตรวจแล้วไม่ท้อง แล้วได้เริ่มทานยาคุมแผงใหม่ จะท้องไหม

  •  wipawee
    สมาชิก
    กินยาคุมครบแผงวันที่ 11 มิ.ย. 2564 มีประจำเดือนในที่ 15 มิ.ย. 2564 หลังจากมีนี่ประจำเดือนก็หมดวันที่ 20 มิ.ย. 2564และเริ่มหยุดกินยาคุม หลังจากนั้นมีการตกขาวกับในคันในช่องคลอดในวันที่ 21มิ.ย. 2564 เริ่มมีเพศสัมพันธ์กันในวันที่27 มิ.ย.2564 แล้วมีเลือดออกเกิดขึ้น ในระหว่างมีเพศสัมพันธ์นั้นมีการป้องกันโดยการใส่ถุงยาง เช็คแล้วไม่รั่ว แล้วหลังการมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 2 วันแรกมีการคันและเลือดออกกระปิดกระปอย ปัจจุบันไม่มีการคันในช่องคลอดแล้ว แต่ประจำเดือนไม่มา เลยซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจในวันที่13 ก.ค. 2564 ออกมา1ขีด แล้วตรวจกลับมากินยาคุมอีกที่วันที่17 ก.ค. 2564 แล้วก็ซื้อที่ตรวจครรภ์อีกมาตรวจวันที่ 23 ก.ค.2564กับ27ก.ค.2564 ผลออกมาก็1ขีด ตรวจหลายรอบแต่เมนก็ยังไม่มา จะมีโอกาสเป็นอะไรบ้างไหมคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Wipawee,

                         เมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิด ฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็จะหมดลงไป เมื่อมีเพศสัมพันธ์ ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ แต่หากได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน โอกาสในการตั้งครรภ์ก็ถือว่ามีน้อยอยู่ นอกจากนี้ หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์ในวันที่ 13 ก.ค. 23 ก.ค. และ 27 ก.ค. แล้วพบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ ดังนั้น การที่ประจำเดือนยังไม่มา อาจเกิดจากการที่รังไข่ยังไม่กลับมาทำงานเป็นปกติหลังจากที่หยุดทานยาคุมไป อีกทั้ง การที่ได้เริ่มกลับมาทานยาคุมกำเนิดอีกครั้งในวันที่ 17 ก.ค. ก็ย่อมทำให้ไม่มีประจำเดือนมา จนกว่าจะทานยาคุมแผงนี้จนหมดค่ะ ซึ่งก็น่าจะมาในช่วงวันที่ 9-10 ส.ค.ค่ะ

                           ส่วนอาการเลือดออกกะปริดกะปรอย รวมถึงอาการคันในช่องคลอด หากหายไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรค่ะ แต่หากยังคงมีคันช่องคลอดเกิดขึ้นอีกบ่อยๆ ร่วมกับมีตกขาวปริมาณมาก อาจเกิดจากการติดเชื้อราในช่องคลอดได้ หรือเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การแพ้หรือระคายเคือง ช่องคลอดที่อับชื้น เป็นต้น ซึ่งหากอาการคันเป็นต่อเนื่อง ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรักษาค่ะ