เพิ่งหายจากประจำเดือน มีท้องอืด ท้องผูกมา 2 สัปดาห์ ท้องผูกดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีท้องอืด ต้องพบแพทย์ไหม

สวัสดีค่ะ คุณ Phichsinee Chaivichayachat,

                  หากมีอาการท้องอืด แน่นท้อง สาเหตุ ได้แก่

                  1. การกลืนอากาศเข้าไปปริมาณมาก จากการอ้าปาก พูดคุย หัวเราะ หรือหายใจทางปาก นอกจากนี้การกินหรือดื่มเร็วเกินไป การใช้หลอดดูดเครื่องดื่ม การเคี้ยวหมากฝรั่ง การใส่ฟันปลอมที่หลวม ก็ทำให้มีโอกาสกลืนอากาศเข้าไปมากขึ้น

                   2. การทานอาหารที่ทำให้เกิดแก๊สหรือเครื่องดื่มที่มีแก๊ส เช่น น้ำอัดลม ถั่ว เมล็ดธัญพืชต่างๆ หรือทานอาหารเป็นปริมาณมากเกินไป ทานอาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่

                   3. การทานยาบางชนิด เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม

                   4. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงก่อนการมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์

                    5. โรคกระเพาะอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารเป็นแผล โรคกรดไหลย้อน

                    6. มีนิ่วในถุงน้ำดี

                      7. ขาดน้ำย่อยอาหารบางชนิด เช่น น้ำย่อยย่อยโปรตีนนม แล้วได้ดื่มนมเข้าไป

                      8. โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง ลำไส้แปรปรวน

                      9. การมีความเเครียด วิตกกังวล

                      นอกจากนี้ การที่มีท้องผูก ก็เป็นสาเหตุทำให้ท้องอืดได้ แต่หากไม่ได้มีอาการท้องผูกแล้ว แต่ยังคงมีอาการท้องอืดอยู่  ก็แสดงว่าเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ในเบื้องต้น หากอาการเป็นไม่มาก อาจดูแลตนเองไปก่อนได้ ได้แก่ การเลือกทานอาหารที่ย่อยง่าย รสไม่จัด เคี้ยวช้าๆ ให้ละเอียด หลีกเลี่ยงการใช้หลอดดูด ไม่ทานและกลืนเร็ว ไม่ทานอาหารครั้งละปริมาณมาก ไม่เคี้ยวหมากฝรั่ง ไม่ดื่มน้ำอัดลม อัดแก๊สต่างๆ หลักเลี่ยงอาหารประเภทถั่วและธัญพืชต่างๆ รวมถึงอาหารที่มีไขมันสูง  สำหรับอาหารที่จะช่วยบรรเทาอาการท้องอืด เช่น น้ำขิง ขมิ้นชัน พริกไทย เป็นต้น 

                   นอกจากนี้ อาจทานยาที่ช่วยลดบรรเทาอาการท้องอืด ได้แก่ ไซเมทิโคน (simethicone), เอ็ม คาร์มิเนทิฟ (M. Carminative) ยาธาตุน้ำแดง เป็นต้น รวมถึงยาที่ช่วยย่อยอาหาร เช่น ไดเจสติน (digestin), มาเจสโต (magesto-F) เป็นต้น แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ