มีเพศสัมพันธ์ ใช้ถุงยางอนามัย ประจำเดือนยังไม่มา ตรวจแล้วไม่ท้อง ทานยาขับเลือดแล้วประจำเดือนก็ยังไม่มา

 สวัสดีค่ะ คุณ Supawadee Buathet,

                  การใช้ถุงยางอนามัยไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ดังนั้นโอกาสที่จะตั้งครรภ์จึงมีได้ อย่างไรก็ตาม หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์ได้อย่างถูกต้องแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ก็แสดงว่าไม่น่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ ดังนั้นการที่ประจำเดือนไม่มา อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น   

             1.ความเครียด การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย อดนอน นอนดึก อดอาหาร 

             2. โรคอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีเซลล์ไขมันจำนวนมาก ซึ่งเซลล์ไขมันสามารถสร้างฮฮร์โมนเอสโตรเจนได้ในปริมาณเล็กน้อย เมื่อมีปริมาณมากเกิน จึงกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศที่ปกติได้ นอกจากนี้ยังพบในกรณีที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงเร็วเกินไปด้วย

              3.ภาวะที่รังไข่ทั้ง  2 ข้างมีถุงน้ำขนาดเล็กจำนวนมาก เรียกว่า polycystic ovary syndrome (PCOS) โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีรูปร่างอ้วน ผิวมัน มีสิวเยอะ และมีขนดกมากกว่าผู้หญิงทั่วไป

              4. มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนเป็นพิษ หรือไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำก็ได้ ซึ่งไปมีผลกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศของต่อมใต้สมองเช่นกัน

              5.เป็นเนื้องอกของต่อมใต้สมอง แต่จะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ การมองเห็นผิดปกติ มีน้ำนมไหลจากเต้านม เป็นต้น

              ส่วนการที่เคยทานยาคุมกำเนิด หากหยุดทานมานานแล้ว ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาค่ะ

              แนะนำว่าหากประจำเดือนไม่มาเกิน 3 รอบเดือนควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุนะคะ