น้ำมูกสีเหลือง และไข้ต่ำๆ จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะหรือไม่

สวัสดีค่ะ คุณ ปาราเมศ แปลงสาร,

                    อาการมีน้ำมูกสีเหลือง มีไข้ต่ำๆ อาจเกิดจาก

                  1. เป็นไข้หวัด หรือมีการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนจากเชื้อไวรัส ซึ่งอาการได้แก่ มีน้ำมูก ซึ่งมักเป็นน้ำมูกใส แต่อาจเหนียวข้น มีสีเหลืองได้ ในช่วงตื่นนอนตอนเช้า หรือดื่มน้ำน้อย นอกจากนี้ ก็มีอาการคัดจมูก แสบจมูก จาม ไอ มีเสมหะ มีไข้  ส่วนใหญจะหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์

                  2. โรคภูมิแพ้ ชนิดแพ้อากาศ แต่น้ำมูกจะมีลักษณะใส และไม่น่ามีไข้ นอกจากนี้ ก็มีอาการคันจมูก แสบจมูก และอาจมีอาการคันตา คันจมูก เพดานปาก และลำคอ

                  3. ไซนัสอักเสบแบบเฉียบพลัน อาจเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียก็ได้ อาการจะเกิดขึ้นนานกว่า 2 สัปดาห์ โดยจะทำให้มีน้ำมูกสีเขียวหรือสีเหลืองข้น คัดจมูก การรับกลิ่นไม่ดี มีมูกข้นในลำคอหรือมูกไหลลงลำคอ มีไข้ ปวดบริเวณไซนัส ได้แก่ โหนกแก้ม หน้าผาก จมูกตรงระหว่างคิ้ว และหัวตา ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น

                   ส่วนโรคคอหอยอักเสบและทอนซิลอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย จะทำให้มีอาการเจ็บคอมาก จนกลืนอาหารได้ลำบาก มีจุดหนองในลำคอหรือทอนซิล ทอนซิลบวมโตแดง มีไข้สูง

                     ดังนั้น หากอาการมีเฉพาะน้ำมูกและไข้ต่ำๆ และยังเป็นไม่นานเกิน 2 สัปดาห์ ก็น่าจะเป็นไข้หวัดที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสมากกว่า ดังนั้น แนะนำว่าอาจยังไม่จำเป็นต้องทานยาปฏิชีวนะ และให้ดูแลตนเอง ได้แก่ การดื่มน้ำเปล่ามากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่อยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีฝุ่นละอองมาก หรือใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน และไม่ควรตามลมตากฝน ไม่โดนลมจากพัดลมหรือแอร์โดยตรง รักษาร่างกายให้อบอุ่น เป็นต้น หากอาการไม่ดีขึ้น อาการเป็นนานเกิน 2 สัปดาห์ หรือมีไข้ขึ้นสูง ก็ควรไปพบแพทย์ค่ะ