ถามแพทย์

  • มีน้ำมูกไหลข้างเดียวทุกเช้าและจามทุกเช้า คืออาการของอะไร กลัวเป็นมะเร็งโพรงจมูก

  •  บีม' เข้ม
    สมาชิก
    อยากถามว่าผมมีอาการน้ำมูกไหลข้างเดียวทุกเช้าและก้อจามทุกเช้าด้วยมันคืออาการของอะไรครับกลัวเป็นมะเร็งโพรงจมูก

    สวัสดีค่ะ คุณ บีม' เข้ม,

                       อาการมีน้ำมูกไหลและจามทุกเช้า อาจเกิดจาก

                       1.โรคภูมิแพ้ ชนิดแพ้อากาศ (allergic rhinitis) ซึ่งเกิดจากการแพ้ต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ อาการคือมีน้ำมูกใส คัดจมูก จาม คันจมูก คันเพดานปาก และลำคอ จมูกอาจได้กลิ่นลดลง อาการจะเป็นแบบเรื้อรังต่อเนื่อง โดยมีช่วงที่ดีขึ้นสลับกับช่วงอาการกำเริบ

                        2. ไซนัสอักเสบแบบกึ่งเฉียบพลันหรือเรื้อรัง มักจะทำให้มีน้ำมูกสีเขียวหรือสีเหลืองข้น คัดจมูก การรับกลิ่นไม่ดี มีมูกข้นในลำคอหรือมูกไหลลงลำคอ มี ปวดบริเวณไซนัส ได้แก่ โหนกแก้ม หน้าผาก จมูกตรงระหว่างคิ้ว และหัวตา ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น เป็นต้น

                          3. มีริดสีดวงจมูกหรือเนื้องอกในช่องจมูก หรือโพรงไซนัส ซึ่งจะทำทำให้มีอาการคัดจมูก แน่นจมูก มีกลิ่นเหม็นในจมูก การได้กลิ่นลดลง รวมถึงมีอาการปวดในโพรงจมูก ปวดหัว แต่มักจะไม่ได้ทำให้มีอาการของน้ำมูกและจาม

                         ส่วนมะเร็งในช่องจมูก มะเร็งหลังโพรงจมูก มะเร็งในโพรงไซนัส มักให้มีอาการคัดจมูก แน่นจมูก มีกลิ่นเหม็นในจมูก การได้กลิ่นลดลง แต่จะไม่ได้ทำให้มีน้ำมูก และมักพบในคนอายุมากแล้ว

                         หากอาการเป็นต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือนแล้ว โดยไม่ได้มีน้ำมูกที่มีลักษณะสีเหลืองเขียวข้น ก็น่าจะเป็นอาการของโรคภูมิแพ้ชนิดแพ้อากาศได้ ซึ่งหากอาการไม่รุนแรง ก็สามารถดูแลตนเองได้ โดยในเบื้องต้น ต้องพยายามหาสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ที่ทำให้เกิดอาการและหลีกเลี่ยง เช่น ขนนก นุ่น ฝ้าย ไรฝุ่น ฝุ่นละออง ควัน เชื้อราต่างๆ สะเก็ดผิวหนังจากสัตว์ เช่น สุนัข แมว หนู กระต่าย เกสรดอกไม้ ดอกหญ้า แมลงสาบ และแมลงต่างๆ วัสดุเฟอร์นิเจอร์ เช่น ใยมะพร้าว เป็นต้น รวมไปถึงการมีความเครียดด้วย

                          หากมีน้ำมูกมาก อาจใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หากอาการเป็นต่อเนื่อง ก็อาจทานยาในกลุ่ม antihistamine เช่น cetirizine (เซทิริซีน), loratadine (ลอราทาดีน) เป็นต้น หลีกเลี่ยงการโดนอากาศเย็น ไม่โดนลม ไม่ดื่มน้ำเย็น หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ และที่ที่มีฝุ่นละอองมาก หรือใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน และควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น

                           หากอาการไม่ดีขึ้น รุนแรงขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาค่ะ