ถามแพทย์

  • ประจำเดือนไม่มา ตรวจการตั้งครรภ์แล้วไม่ท้อง ควรทำอย่างไรต่อ

  •  memorize
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ รบกวนสอบถามเรื่องประจำเดือนขาด เพื่อหาวิธีการจัดการต่อไปค่ะ 

    เป็นคนประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ รอบเดือนอยู่ที่ 29 - 46 วัน

    ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายคือ วันที่ 4 มิถุนายน 

    มีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกัน วันที่ 22 มิถุนายน

    ตรวจฉี่ 2 ครั้ง วันที่ 6 มิถุนายน และ 12 มิถุนายน ไม่พบการตั้งครรภ์ ปัจจุบันประจำเดือนยังไม่มาค่ะ

     

    มีอาการผิดปกติระหว่างรอรอบเดือนคือช่วงแรกมีอาการจมูกไวไม่เคยเป็น

    มีอาการท้องอืด ผายลมบ่อยกว่าปกติ (อันนี้ไม่มั่นใจว่าเกี่ยวไหม)

    ช่วงสองอาทิตย์ก่อนมีอาการปวดท้องหน่วงๆจี๊ดด้านซ้ายและสิวเห่อขึ้นบริเวณคางรู้สึกเหมือนมีตกขาวตลอด

    ปัจจุบันมีอาการปวดท้องน้อยเมื่อวานและวันนี้และอาการเหมือนมีน้ำไหลยังอยู่ค่ะ

     

    ไม่ทราบว่าควรทำอย่างไรต่อไปค่ะต้องซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจอีกรอบหรือไม่

    หรือรออีกกี่วัน และเข้าพบแพทย์ ขอบคุณค่ะ

    memorize  พญ.นรมน
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะคุณ memorize

    ประจำเดือนคือการหลุดลอกของเยื่อบุผนังมดลูกในแต่ละเดือน เป็นสัญญาณว่าไม่ได้ตั้งครรภ์ รอบเดือนปกติจะอยู่ที่ 22-35 วัน หากมาช้ากว่านี้ถือว่ามาช้า

    ประจำเดือนมาช้ามีสาเหตุได้จาก

    -การตั้งครรภ์

    -ความเครียด การพักผ่อนน้อย

    -โรคไทรอยด์

    -พังผืดในมดลูกกรณีเคยขูดมดลูก

    -ความผิดปกติในรังไข่ เช่นมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่

    สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการตั้งครรภ์ค่ะ ชุดตรวจการตั้งครรภ์ให้ผลบวกได้ตั้งแต่ 10-14 วันหลังมีการปฏิสนธิ หากตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองแล้วให้ผลลบ ควรไปตรวจยืนยันที่รพ.ค่ะ แพทย์อาจตรวจปัสสาวะซ้ำหรือตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมนที่สร้างจากรกในหญิงตั้งครรภ์ร่วมกับอัลตราซาวน์หน้าท้องเพื่อยืนยันว่ามีหัวใจเด็กได้ค่ะ ถ้าไม่ได้ตั้งครรภ์ แพทย์อาจต้องตรวจหาสาเหตุอื่นต่อไป ตอนนี้ยังไม่ควรซื้อยาฮอร์โมนอะไรมากินเองจนกว่าจะทราบสาเหตุของการที่ประจำเดือนมาช้าค่ะ

    อาการอื่นๆดังกล่าวมา ไม่ได้จำเพาะเจาะจงต่อการตั้งครรภ์ แนะนำให้ยืนยันการตั้งครรภ์ด้วยวิธีดังกล่าวไป

    สังเกตอาการถ้ามีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด มีก้อนเลือด เศษเนื้อเยื่อปน และปวดหน่วงท้องน้อย ซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์