ถามแพทย์

  • ประจำเดือนขาดไป 4 เดือน ตรวจอัลตราซาวด์แล้วปกติดี ได้ยามาทาน ประจำเดือนมา หลังจากนั้น มาผิดปกติอีก เกิดจากอะไร

  •  ChenSiyu
    สมาชิก
    ขอเกริ่นก่อนนะคะ ก่อนหน้านี้มีช่วงที่ประจำเดือนขาดไป 4 เดือนค่ะ เพิ่งไปพบแพทย์มาเมื่อปลายเดือนมิถุนายน อัลตราซาวน์รังไข่ แพทย์บอกว่าปกติทุกอย่าง และได้ยาฮอร์โมนมาทาน 14 เม็ด หลังจากทานเม็ดที่ 14 ประจำเดือนก็มาตามปกติคือวันที่ 29 มิถุนายน-4 กรกฎาคมค่ะ หลังจากนั้นไม่ได้ทานยาอะไรอีก (มีฟ้าทะลายโจร 2 เม็ด) จนประจำเดือนก็มาวันนี้ (12 สิงหาคม) รู้สึกจะช้ากว่าที่ควรนิดหน่อย มีอาการปวดท้องตามที่เคยเป็นค่ะ ไม่ได้ปวดมากจนทนไม่ไหว แต่ประจำเดือนมาน้อยมากค่ะ เป็นแค่วงเล็กๆเท่านั้น ทั้งๆที่เป็นวันแรกของรอบนี้ อยากทราบว่าเกิดจากอะไรและจะแก้ได้อย่างไรบ้างคะ ข้อมูลเพิ่มเติม อายุ 17 ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์

    สวัสดีค่ะ คุณ ChenSiyu,

                        การที่ประจำเดือนไม่มานาน 4 เดือน อาจเกิดจาก

                       1. โรคอ้วน เนื่องจากคนอ้วนมีเซลล์ไขมันจำนวนมาก ซึ่งเซลล์ไขมันสามารถสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนได้ในปริมาณเล็กน้อย เมื่อมีปริมาณมากเกิน จึงกระทบต่อการหลั่งฮอร์โมนเพศที่ปกติได้

                       2. การผลิตฮอร์โมนของรังไข่ผิดปกติ เช่น มีภาวะมีถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) โดยผู้ที่เป็นโรคนี้มักจะมีรูปร่างอ้วน ผิวมัน มีสิว ขนดกมากกว่าผู้หญิงทั่วไป

                       3. มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนผิดปกติ

                       4. มีพังผืดในโพรงมดลูก จากการเคยมีมดลูกอักเสบหรือเคยขูดมดลูก 

                       5. มีเนื้องอกของต่อมใต้สมอง แต่จะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดศีรษะ มองเห็นภาพซ้อน มีน้ำนมไหล เป็นต้น

                        ทั้งนี้ หากไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีโรคอ้วน อีกทั้งได้ไปพบแพทย์และทำการตรวจอัลตราซาวด์ดูมดลูกรังไข่มาแล้ว ก็ไม่น่าเกิดจากภาวะถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่  และเมื่อได้ทานยาปรับฮอร์โมนไป ก็ได้มีประจำเดือนมา ก็แสดงว่าการผลิตฮอร์โมนของรังไข่น่าจะผิดปกติไปค่ะ ซึ่งมักพบได้ในช่วงวัยรุ่นและช่วงวัยก่อนหมดประจำเดือนค่ะ ซึ่งการที่รังไข่ทำงานผลิตฮอร์โมนผิดปกติไป ไม่ได้ถือว่าเป็นโรคอันตรายอะไร อาจสังเกตอาการต่อไปก่อนเรื่อยๆ ได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ หากต้องการให้ประจำเดือนกลับมาปกติอีกครั้ง ก็อาจกลับไปทานยาปรับฮอร์โมนอีกก็ได้ค่ะ