ถามแพทย์

  • หลังหยุดยาคุมกำเนิดมาได้ 4 เดือน ประจำเดือนมาปริมาณน้อยมากกว่าปกติ และมาแค่ 1-2 วัน เกิดจากอะไร

  •  mild-melo
    สมาชิก

    ทานยาคุมกำเนิดแบบแผงมาเป็นเวลา 11 ปี เพิ่งหยุดทานเมื่อ กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อมีลูก ประจำเดือนมาตรงวันปกติ ในช่วงห่างกัน 21-28 วัน ในช่วงที่ทานยา ประจำเดือนจะมาหนักๆ ในวันแรก และมีอาการปวดท้องน้อยต่ำ ปวดสลับกัน ซ้าย-ขวา บางเดือนปวดหนักร้าวไปที่หลัง หลังจากหยุดทานยา อาการปวดยังคงเป็นเหมือนเดิมเฉพาะวันแรก แต่ปริมาณของประจำเดือนน้อยลง จากปกติวันแรกจะมาเยอะเปลี่ยนผ้าอนามัย 2-3 แผ่นต่อวัน แต่เมื่อหยุดยาปริมาณมาน้อยมากเดือนแรกๆ ที่หยุดยายังมาประมาณครึ่งแผ่น แต่พอมาเดือนหลังๆ ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2565 ก็ไม่เคยถึงครึ่งแผ่น (เดือน เม.ย. 2565 ติดโควิด-19) และปวดท้องร้าวหลังหนักกว่าเดิม วันที่ 3 ก.พ. 2565 ได้พบแพทย์อัลตราซาวน์ ไม่พบสิ่งผิดปกติ ตรวจมะเร็งปากมดลูกไม่พบเชื้อ ไม่ทราบว่าผิดปกติอะไรหรือไม่คะ

    mild-melo  พญ.นรมน
    แพทย์

     สวัสดีค่ะคุณ mild-melo

    ยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนั้นเป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงมาก หากได้กินติดต่อกันทุกวันจนหมดแผงยา และหลังการหยุดยาคุมกำเนิด ส่วนใหญ่การตกไข่และประจำเดือนก็มักจะกลับมาเป็นปกติภายในประมาณ 1-3 เดือนหลังจากนั้น

    ซึ่งถ้าไม่ได้มีปัญหาของมดลูกหรือรังไข่อะไรอยู่เดิม ประจำเดือนควรจะกลับมาเป็นรอบ มาในปริมาณปกติประมาณ 3-7 วันจากที่กล่าวมาการที่ประจำเดือนมาน้อยลงเรื่อยๆ นั้น อาจจะเกิดจากปัญหาที่มีอยู่เดิมเช่นพังผืดมดลูก โรคไทรอยด์หรือต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ ผนังมดลูกบาง หรือเป็นเลือดออกผิดปกติจากการติดเชื้อในช่องคลอด ปากมดลูก หรือมดลูก

    แนะนำการจดวันที่มีประจำเดือนไว้อย่างละเอียด ดูว่ามาเป็นรอบเดือน 22-35 วันหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ ประจำเดือนมาแบบกระปริดกระปรอย มาน้อย มีปวดท้องผิดปกติด้วย ควรกลับไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจซ้ำอีกครั้งค่ะ