ถามแพทย์

  • ประจำเดือนไม่มาเกือบ1ปี หมอบอกว่าปกติ จริงเหรอคะ

  •  Nookk Natthaya
    สมาชิก
    หลังจากกินยาฮอร์โมน (น่าจะคล้ายๆยาคุมค่ะ แต่ฉลากบอกว่าสกัดจากธรรมชาติ) ทำให้ประจำเดือนไม่มา ประมาณ 9 เดือนแล้วค่ะ ไปหาหมอสูติตรวจอัลตราซาวด์ แต่ไม่พบอะไรผิดปกติค่ะ หมอบอกว่าไม่เป็นไร ปล่อยไว้อย่างงี้แหละ แต่รู้สึกไม่สบายใจเลยค่ะ อยากรู้ว่าไม่เป็นไรจริงๆเหรอคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ Nookk Natthaya

    โดยปกติแล้วจะมีระยะของรอบประจำเดือนประมาณ 21 - 35 วัน และไม่เกิน 7 วัน ขึ้นกับแต่ละบุคคล หากมีประจำเดือนถี่ ห่าง หรือ นานเกินไป ถือว่าผิดปกติ

    อาการประจำเดือนไม่มาหรือมาไม่สม่ำเสมอนั้นเป็นสิ่งที่พบได้ค่อนข้างบ่อย ส่วนสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาหรือมาไม่สม่ำเสมอนั้น มีหลายอย่าง เช่น   

    • ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศ (ฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน) พบได้ในภาวะ การใช้ยาคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง การรับประทานยาหรืออาหารบางชนิดที่อาจมีฮอร์โมนเพศหญิงผสมอยู่ ความผิดปกติของการตกไข่ (ovarian dysfunction) การออกกำลังกายหนัก หรือความเครียด ก็ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอได้

      • การทำงานของไทรอยด์ผิดปกติ

      • มีการติดเชื้ออักเสบของอวัยวะสืบพันธ์ ได้แก่ ภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน ซึ่งอาจเกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ โรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ ก็อาจทำให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้

      • การมีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์

      • มีก้อนเนื้องอกธรรมดา ติ่งเนื้อ หรือเนื้อร้ายในมดลูกหรือปากมดลูก

      • การตั้งครรภ์ เป็นต้น

        ยาฮอร์โมนเพศหญิงที่รับประทาน อาจมีผลรบกวนรอบประจำเดือน ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือประจำเดือนขาดหายไปได้ เมื่อไปตรวจภายในร่วมกับอัลตราซาวด์แล้วไม่พบความผิดปกติ ก็สามารถวางใจได้ในระดับหนึ่งค่ะ แนะนำว่าลองสำรวจปัจจัยที่ทำให้ประจำเดือนขาดดังกล่าวข้างต้น โดยทั่วไป หากกำจัดสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนผิดปกติไปได้แล้ว ร่างกายจะพยายามปรับสมดุลให้กลับมามีประจำเดือนได้ดังเดิม โดยอาจใช้ระยะเวลาที่ไม่เท่ากันในแต่ละคนค่ะ หากยังสงสัย อาจต้องปรึกษาแพทย์อีกครั้งค่ะ

        อ่านเพิ่มเติมได้ที่ ประจำเดือน มาปกติหรือมาไม่ปกติ