-
ประจำเดือน
-
Feb 16, 2023 at 12:37 PM
มีอะไรกับแฟนวันที่ 2 ม.ค. 66 (ไม่ได้ป้องกันหลั่งนอก) 3 ม.ค.66 (หลั่งนอกไม่ได้ป้องกัน กินยาคุมฉุกเฉินทันที) วันที่ 8-11 ม.ค 66 ประจำเดือนมา และวันที่ 17-18 ม.ค.66 มีเลือดออกกระปริบกระปรอย และได้มีอะไรกับแฟนวันที่ 23 ม.ค. 66 (หลั่งนอกไม่ได้ป้องกัน) วันที่ 6 ก.พ. 66 มีอะไรกันโดยหลั่งในและกินยาคุมฉุกเฉิน ภายใน 12 ชม. แต่วันนี้วันที่ 16 แล้ว ประจำเดือนยังไม่มา อยากทราบว่า แบบนี้ควรตรวจครรภ์เลยไม่คะFeb 16, 2023 at 12:42 PM
และจะสอบถามว่า ถ้าสมมุติว่าท้อง แล้วกินยาคุมไป จะเป็นอะไรมั้ยคะFeb 16, 2023 at 01:38 PM
สวัสดีค่ะ คุณผู้ใช้งาน,
การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 2 และ 3 ม.ค. หากไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน แล้วใช้วิธีการหลั่งนอก ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณหนึ่ง แต่หากได้ทานยาคุมฉุกเฉินไปในวันที่ 3 ม.ค. ยาคุมฉุกเฉินก็จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณหนึ่งค่ะ
สำหรับเลือดที่ออกในวันที่ 8-11 ม.ค. หากไม่ใช่ช่วงวันที่ที่ประจำเดือนควรจะมา ก็ถือเป็นเลือดที่เกิดจากผลของยาคุมได้ ส่วนเลือดที่ออกอีกครั้งในวันที่ 17-18 ม.ค. ก็อาจเป็นประจำเดือนได้ค่ะ
ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 23 ม.ค. หากไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน ก็ย่อมมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 6 ก.พ. หากมีการทานยาคุมฉุกเฉิน โอกาสในการตั้งครรภ์ก็ถือว่าน้อยอยู่
สำหรับการที่ประจำเดือนในเดือน ก.พ. ยังไม่มา ก็น่าจะเกิดจากผลของยาคุมฉุกเฉินได้ค่ะ แนะนำควรรอประจำเดือนต่อไปก่อน แต่หากครบ 14 วัน นับจากวันที่ได้มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไป คือจนถึงวันที่ 20 ก.พ. แล้วประจำเดือนยังคงไม่มา ก็ให้ตรวจหาการตั้งครรภ์ดูค่ะ หากตรวจไม่พบ ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์ ก็ให้รอประจำเดือนต่อไปค่ะ ทั้งนี้ หากกรณีที่ตรวจพบการตั้งครรภ์ การทานยาคุมฉุกเฉินที่ผ่านมา จะไม่ได้มีผลอะไรต่อทารกในครรภ์ค่ะ
หลังจากนั้น หากจะมีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ ก็ควรใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99% ไม่ควรทานยาคุมฉุกเฉินบ่อยๆ เพราะจะมีผลต่อการทำงานของรังไข่ ทำให้มีเลือดออกผิดปกติ และประจำเดือนมาผิดปกติได้ อีกทั้งประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินก็ไม่ถือว่าดีมากนักเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ โดยจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 58%-95% ค่ะ
-
ถามแพทย์
-
ประจำเดือน