ถามแพทย์

  • ประจำเดือนมา กินยาคุมกำเนิดไป 2 วัน แล้วมีเพศสัมพันธ์ ต่อมามีตกขาวสีน้ำตาล ได้หยุดทานยา ประจำเดือนยังไม่มา จะท้องไหม

  •  Wanatsanan Noondum
    สมาชิก
    เดือนที่แล้วดิฉันกินยาคุมฉุกเฉินไปแล้วหลังจากนั้น2อาทิตย์ ประจำเดือนมาวันที่1ตุลาคม หมดวันที่5ตุลาคม จากนั้นวันที่6เริ่มกินยาคุมแบบเดือน28เม็ด กินได้2เม็ด มี พสพ.กับแฟน หลั่งใน พอกินไปได้ 7เม็ด ตกขาวมาเป็นสีน้ำตาลเข้มข้อกโกแลต ไม่มีกลิ่น มาเยอะมาก ประมาณ6วัน จากนั้นกินยาคุมมาได้เม็ดสุดท้ายที่15จากนั้นลืมกิน แต่ไม่ได้มีอะไรกับแฟนอีกเลย จน3วันก่อน ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจก็ไม่ขึ้น2ขีด วันนี้วันที่13 พฤศจิกายนแล้ว. ประจำเดือนยังไม่มา มีอาการหน้าอกขยายขึ้นนิดๆ

    สวัสดีค่ะ คุณ Wanatsanan Noondum,

                       หากประจำเดือนมาวันที่ 1 ต.ค. และได้ทานยาคุมกำเนิดในวันที่ 6 ต.ค. ถือว่าเลย 5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมาไปแล้ว ดังนั้น ยาคุมกำเนิดจะยังไม่สามารถออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที ต้องทานต่อเนื่องไปอย่างน้อย 7 วันก่อน ดังนั้น หากทานไปเพียง 2 วันแล้วได้มีเพศสัมพันธ์ ก็อาจมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้

                      สำหรับตกขาวสีน้ำตาลเข้มที่ออกมาหลังจากทานยาไป 7 วัน คือตกขาวที่มีเลือดปน ซึ่งเลือดที่ออก น่าจะเกิดจากผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด ที่ทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดชนิดที่มีฮอร์โมนต่ำ

                      และเมื่อได้หยุดทานยาคุมกำเนิดแล้ว ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ก็จะหมดลงในทันที ดังนั้น การที่ประจำเดือนยังไม่มา อาจเกิดจาก

                      1. การตั้งครรภ์ แต่หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์อย่างถูกต้องแล้ว พบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็ไม่น่าเกิดการตั้งครรภ์ขึ้นค่ะ 

                    2. การทำงานของรังไข่และการตกไข่ยังไม่เกิดขึ้น หรือเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เพราะโดยปกติ เมื่อหยุดทานยาคุมกำเนิด ประจำเดือนก็จะกลับมาใน 4-5 สัปดาห์ แต่ในบางรายอาจเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ ดังนั้น แนะนำควรรอประจำเดือนไปอีกซักระยะค่ะ ประจำเดือนน่าจะมาในที่สุดค่ะ