ถามแพทย์

  • ปวดหัว

  •  Suwicha Nanthasornsuk
    สมาชิก

    สวัสดีค่ะ มีอาการปวดหัวจี๊ด ๆ บริเวณกลางหัว เป็นๆ หายๆ 

    สวัสดีค่ะ คุณ Suwicha Nanthasornsuk,

                    อาการปวดหัว เกิดได้จากหลายสาเหตุ แบ่งออกเป็น 

                     1. อาการปวดศีรษะแบบทุติยภูมิ เป็นอาการปวดมาจากโรค หรือมีสาเหตุที่ชัดเจน ซึ่งสาเหตุ ได้แก่

                        - การเป็นไข้ติดเชื้อโรคต่างๆ เช่น ไข้หวัด ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ ไข้เลือดออก รวมถึงโควิด 19 เป็นต้น

                         - มีฟันผุ เหงือกอักเสบ

                         - โรคของตา เช่น โรคต้อหิน มีสายตาสั้น รวมถึงการใช้สายตามากไป การจ้องโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์มากไป เป็นต้น

                       - โรคทางสมอง เช่น หลอดเลือดในสมองโป่งพอง เนื้องอกในสมอง เป็นต้น

                        - ร่างกายขาดน้ำ 

                        - การดื่มคาเฟอีน หรือขาดคาเฟอีนในผู้ที่ดื่มเป็นประจำ การดื่มแอลกอฮอล์มากไป

                        - การนอนไม่หลับ 

                       อาการปวดจากสาเหตุเหล่านี้ ส่วนใหญ่อาการปวดจะเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน เป็นต่อเนื่อง (หากสาเหตุยังไม่ได้ถูกแก้ไข) ไม่ได้เป็นแบบเป็นๆ หายๆ 

                     2. อาการปวดศีรษะแบบปฐมภูมิ เป็นอาการปวดที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด อาการจะเป็นแบบเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ ไม่ได้มีลักษณะที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสามารถแบ่งตามอาการที่ปวด ได้แก่

                         - ปวดศีรษะจากความเครียด (tension-type headache) จะปวดเหมือนมีเข็มขัดรัดรอบศีรษะ อาการปวดจะเป็นมากในช่วงบายถึงค่ำ ส่วนตอนเช้ามาอาการปวดจะเป็นน้อย อาการปวดจะถูกกระตุ้นเมื่อมีความเครียด วิตกกังวล ทำงานหนัก เรียนหนัก ใช้สายตามากไป อดนอน เป็นต้น 

                         - ปวดศีรษะไมเกรน  ส่วนใหญ่มักจะปวดข้างเดียว อาการปวดเป็นแบบตุ๊บๆ โดยส่วนใหญ่จะปวดต่อเนื่องนาน 1-3 วันแล้วหายไป ขณะปวดอาจมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร  มึนหัว เป็นต้น บางรายจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะ เช่น เห็นแสงสว่างลักษณะซิกแซก เป็นต้น ปัจจัยที่กระตุ้นให้ไมเกรนกำเริบ เช่น ความเครียด ช่วงมีประจำเดือน อาหารบางอย่าง เป็นต้น

                         - ปวดศีรษะคลัสเตอร์ (cluster headache) เป็นอาการปวดศีรษะข้างเดียวแบบรุนแรง โดยจะมีอาการเพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วหายไป และปวดขึ้นมาอีกเป็นระยะๆ มักมีอาการตาแดง น้ำตาไหล น้ำมูกไหล หนังตากตกร่วมด้วย

                          หากอาการปวดหัวเพิ่งเป็นมาไม่กี่วัน และยังไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ อาจสังเกตอาการไปก่อน หากปวดไม่มาก ก็ไม่จำเป็นต้องทานยา แต่หากอาการปวดหัวเป็นมานานหลายวันแล้ว หรือเป็นๆ หายๆ มาหลายเดือน หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ร่วมด้วย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจค่ะ 

                          ในเบื้องต้น ก็ควรดื่มน้ำเปล่าๆ มาก เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ งดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนต่างๆ และแอลกอฮอล์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ  ไม่ใช้สายตาจ้องโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์มากไป เป็นต้น แหากปวดมาก อาจทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน เป็นต้น