หลังจากไปเล่นกีฬา มีอาการปวดไข่หน่วงๆ ปวดท้องน้อย เป็นไส้เลื่อนไหม

สวัสดีค่ะ คุณ jakkapan,

                 การปวดบริเวณอัณฑะ ร่วมกับอาการปวดท้องน้อย อาจเกิดได้จาก

               1. ไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ จะพบมีก้อนบวมที่อัณฑะเวลายืน นั่ง หรือไอ และยุบหายเวลานอนราบ โดยไม่มีอาการเจ็บปวด ก้อนคลำดูมีลักษณะนุ่ม ไม่เจ็บ แต่ถ้าเกิดภาวะแทรกซ้อน กลายเป็นไส้เลื่อนชนิดติดคา ก็จะทำให้มีอาการเป็นก้อนบวมและปวดอย่างต่อเนื่อง และมักมีอาการปวดท้องและอาเจียนร่วมด้วย 

               2.อัณฑะบิดตัว จะมีอาการปวดอัณฑะข้างใดข้างหนึ่งอย่างรุนแรง และเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันภายในไม่กี่ชั่วโมง บางรายอาจมีอาการปวดท้องน้อย หรือคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

              3.อัณฑะอักเสบ (orchitis) พบได้ในคนที่เป็นโรคคางทูม แล้วเชื้อแพร่กระจายตามกระแสเลือดไปที่อัณฑะ หรือเกิดจากเป็นหนองในแล้วเชื้อลุกลามมาที่อัณฑะ หรือจากการติดเชื้ออื่นๆ ก็ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดอัณฑะ และอัณฑะบวมแดงร้อน มักมีไข้ร่วมด้วย

              4.ท่อนำน้ำเชื้ออักเสบ (epididymitis) อัณฑะจะบวมและค่อยๆ ปวดมากขึ้น มีปวดเวลาปัสสาวะร่วมด้วย และปัสสาวะบ่อยขึ้น อัณฑะบวม แดง อาจมีไข้ร่วมด้วย

              5. ถุงน้ำในอัณฑะ (hydrocele) พบได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยสูงอายุ มักมีลักษณะเป็นก้อนนุ่มที่ถุงอัณฑะข้างใดข้างหนึ่ง โดยไม่ยุบหายไม่ว่าอยู่ในท่าใด มักไม่มีอาการเจ็บปวด แต่หากมีการติดเชื้อที่ถุงน้ำ ก็จะมีอาการปวดลูกัณฑะ และลูกอัณฑะบวมแดงได้

             6.ก้อนเนื้องอกและมะเร็งอัณฑะ มีอาการเป็นก้อนแข็งที่อัณฑะข้างหนึ่ง อาจปวดหรือไม่ปวดก็ได้ แต่หากเป็นก้อนมะเร็ง ก้อนก็จะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

             นอกจากนี้ ยังมี โรคพังผืดอักเสบมีเนื้อตายบริเวณฝีเย็บ (necrotizing fasciitis of perineum) ไขมันของถุงอัณฑะมีเนื้อตายเฉพาะส่วน (necrosis of scrotal fat) เป็นต้น

            ดังนั้นแนะนำให้คุณ jakkapan ไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูนะคะว่าเป็นไส้เลื่อนหรือไม่ หรือมีสาเหตุจากโรคอื่นๆ หากเป็นไส้เลื่อน ก็จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดค่ะ