มีตุ่มขาวๆและแดงที่หัวองคชาต เป็นเพราะอะไร รักษาอย่างไร

สวัสดีค่ะ คุณ T'Tech Khunthonin,

                     ตุ่มที่อวัยวะเพศชาย อาจเกิดจาก

                    1. เป็น pearly penile papules หรือโรคผื่นนูนพีพีพี ไม่จัดเป็นโรค ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เกิดจากหลอดเลือดขององคชาตขยายตัว และมีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันมาล้อมรอบ ลักษณะเป็นตุ่นนูนผิวเรียบสีเนื้อหรือชมพูอ่อน เรียงกันหลายตุ่มเป็นแถว อยู่บริเวณร่องรอบฐานหัวองคชาต มักไม่มีอาการเจ็บหรือคัน ไม่จำเป็นต้องรักษา

                    2. เป็นอาการเริ่มแรกของโรคเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งเป็นติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยเริ่มแรกจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ ต่อมาจะแตกออก และกลายเป็นแผล ร่วมกับมีอาการเจ็บ ปวดและแสบมาก บางรายอาจมีไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว อ่อนเพลียร่วมด้วย

                    3. ซิฟิลิส เป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน เริ่มแรกจะเป็นตุ่มนูนๆ ต่อมาตุ่มจะกลายเป็นแผล และจะเริ่มขยายออกมีขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นแผลกว้าง ขอบแผลเรียบยกนูนและแข็ง พื้นแผลมีสีแดงและดูสะอาด แผลจะไม่เจ็บไม่คัน 

                    4. แผลริมอ่อน หรือซิฟิลิสเทียม เป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน อาการคืออาจเริ่มจากตุ่ม แล้วกลายเป็นแผลลักษณะของแผลจะดูแฉะไม่สะอาด มีเนื้อเยื่อเละ ๆ ที่ก้นแผล ส่วนที่ขอบแผลจะนูน ไม่แข็ง และไม่เรียบ และรู้สึกเจ็บ       

                    5. หูดหงอนไก่ เป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน จะเห็นเป็นติ่งเนื้อหรือตุ่มเนื้ออ่อนๆ สีชมพูหรือสีเนื้อ ผิวมักขรุขระ อาจมีอาการคันร่วมด้วย แต่มักไม่มีอาการเจ็บ 

                    6. หูดข้าวสุก ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์เช่นกัน ลักษณะคือเป็นตุ่มนูนสีเหลืองหรือสีเนื้อ ผิวเรียบเป็นมันคล้ายไข่มุก ตรงกลางมีรอยบุ๋ม เมื่อกดหรือบีบให้แตก จะมีเนื้อเละ ๆ สีขาวคล้ายข้าวสุกไหลออกมา มักไม่มีอาการเจ็บหรือคัน 

                    7. การแพ้สัมผัสหรือระคายเคืองต่อสารเคมีต่างๆ โดยอาจเกิดเกิดเป็นผื่นที่เป็นตุ่มน้ำใส หรือตุ่มนูนแดงก็ได้  มักมีอาการคันร่วมด้วย        

                     หากตุ่มเป็นมานานแล้ว ไม่ขยายขนาดใหญ่ขึ้น ไม่เพิ่มจำนวนมากขึ้น และไม่มีอาการใดๆ ก็อาจเป็น ผื่นนูนพีพีพี ได้ แต่หากเพิ่งเป็นมาไม่นาน ตุ่มมีการเพิ่มจำนวน หรือขยายขนาดขึ้น หรือแตกออกกลายเป็นแผล หรือทำให้มีอาการเจ็บ แสบ คัน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ