ดื่มน้ำน้อย อดนอน นั่งหน้าคอมทั้งวัน แล้วมีเวียนหัว ไปตรวจร่างกายผลปกติดี ได้ดื่มน้ำมากขึ้น แต่ยังเวียนหัว กลัวเป็นโรคในสมอง

สวัสดีค่ะ คุณ カゲノー クレア,

              อาการเวียนหัวที่เป็นอยู่ หากแบ่งตามลักษณะ ก็จะมีสาเหตุที่ต่างกัน ดังนี้ 

              1. กลุ่มที่มีอาการมึนหัว (dizziness) คือจะรู้สึกเหมือนศีรษะเบาๆ ลอยๆ โคลงเคลงเหมือนอยู่บนเรือ หรือคล้ายจะมีหน้ามืด แต่ไม่มีอาการบ้านหมุน หรือสิ่งรอบตัวหมุน มักสัมพันธ์กับแรงดันเลือดและปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ สาเหตุได้แก่

                    - การเปลี่ยนท่าทางเร็วไป เช่นนั่งหรือนอนอยู่แล้วลุกขึ้นทันที 

                    - จากการขาดน้ำในร่างกาย เช่น ดื่มน้ำน้อย เสียเหงื่อมาก มีท้องเสีย อาเจียน 

                    - มีภาวะโลหิตจาง 

                    - เป็นอาการร่วมของโรคอื่นๆ เช่น ไข้หวัด ภูมิแพ้ 

                    - จากความเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่หลับ

               2. อาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน (vertigo) คืออาการที่รู้สึกเหมือนสิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุนได้ แม้ว่าจะยืนหรือนั่งอยู่กับที่ หรือตัวเองหมุน ทั้งที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งอาจทำมีเดินเซ ล้ม หรือทรงตัวไม่ได้ รวมไปถึงรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของลูกตา ตากระตุก และอาการเกี่ยวกับการได้ยินเสียง เช่น หูอื้อ เสียงดังรบกวนในหู  สาเหตุได้แก่

                    - โรคของหู เช่น ตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด หรือ โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (BPPV) โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน  (Meniere's Disease) หูชั้นในอักเสบ (labyrinthitis) เป็นต้น

                     - เนื้องอกของเส้นประสาทหู (vestibular schwannoma)

                     - เนื้องอกในสมอง

                     - ความผิดปกติของระบบไหลเวียนโลหิตที่ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองและระบบประสาททรงตัวไม่พอ โดยจะเกิดในผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง สูบบุหรี่ เป็นเบาหวาน  หัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคกระดูกคอเสื่อม เป็นต้น

                 ทั้งนี้ หากได้ไปพบแพทย์ และตรวจเลือดหาโรคต่างๆ แล้วไม่พบ คือไม่พบเบาหวาน ไม่มีความดันโลหิตสูง และยังอายุเพียงแค่ 24 ปี โอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดในสมองก็แทบไม่มีค่ะ และอาการของโรคหลอดเลือดในสมอง ก็จะไม่ได้มีแค่เวียนหัวแบบโคลงเคลงหรือมึนงง แต่มักจะทำให้มีเวียนหัวแบบบ้านหมุน หรือปวดศีรษะแบบรุนแรง มีเดินเซ มีแขนขาชา อ่อนแรง ปากเบี้ยว พูดลำบาก กลืนลำบาก เป็นต้น ดังนั้น หากไม่ได้มีโรคประจำตัว อายุยังน้อย และไม่มีอาการเหล่านี้ ก็ไม่ใช่โรคหลอดเลือดสมองค่ะ 

                ส่วนเนื้องอกในสมองนั้น มักทำให้มีอาการแขนขาอ่อนแรง ชัก มีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรม บุคลิกภาพ ความจำ การพูด การได้ยิน การมองเห็น ปวดศีรษะแบบรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือมีเวียนศีรษะแบบบ้านหมุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่สัมพันธ์กับท่าทาง คือไม่ว่าจะนั่งหรือนอน ก็จะมีอาการเหมือนกันหมดค่ะ

                ดังนั้น จากลักษณะอาการที่เป็น ยังไม่จำเป็นต้องไปตรวจเอ๊กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองเพิ่มเติมค่ะ

                ทั้งนี้ หากมีประวัติการดื่มน้ำน้อย โดยดื่มแค่น้ำอัดลม แทบไม่ได้ดื่มน้ำเปล่า อีกทั้งมีการอดหลับอดนอน นั่งจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ หลายชั่วโมง ย่อมทำให้การสูบฉีดไหลเวียนของเลือดไม่ดี และเกิดอาการเวียนหัวตามมาได้ค่ะ อีกทั้งหากมีอาการเฉพาะในท่านั่งและยืน แล้วไม่มีอาการในท่านอน ก็ย่อมแสดงว่า การสูบฉีดไหลเวียนเลือดไม่ดีค่ะ 

                ดังนั้น ในเบื้องต้น ก็ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน งดการดื่มน้ำอัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เพราะอาจทำให้ความอยากดื่มน้ำเปล่าลดลง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ไม่นอนดึก เวลาเปลี่ยนท่าทาง เช่น จากนอนเป็นนั่ง จากนั่งเป็นยืน ควรเป็นไปอย่างช้าๆ นอกจากนี้ ควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเบาๆ ทุกวัน ไม่นั่งเฉยๆ จ้องคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ควรมีการขยับร่างกายทำกิจกรรมต่างๆ ทุกๆ 10-20 นาที เป็นต้น หากทำเช่นนี้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อาการก็น่าจะค่อยๆ ดีขึ้นได้เองค่ะ สำหรับการมีสายตาสั้น ก็ควรไปตัดแว่นให้เหมาะสม เพราะการไม่ใส่แว่น อาจมีผลทำให้ปวดหัวเวียนหัวได้ จากการที่ต้องเพ่งสายตามากไปค่ะ