ถามแพทย์

  • มีเพศสัมพันธ์วันที่ 12 พ.ย. ในช่วงแรกไม่ได้ใส่ถุงยาง แล้วจึงใส่ถุงยาง วันที่ 6-8 ธ.ค.ได้มีเลือดออก ตรวจหาการตั้งครรภ์ไม่พบ จะท้องไหม

  •  Premyuda Namon
    สมาชิก
    ตามหัวข้อเลยค่ะ วันที่ 12 พ.ย มีอะไรกับแฟนแบบไม่สวมถุงยางเอาเข้าและเอาออกทีเดียว แล้วก็ใส่ถุงยางพอทำไปจนเสร็จ พอเอาถุงยางออกในช่องคลอดเหมือนมีน้ำคล้ายอสุจิด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นน้ำหล่อลื่นของเรารึป่าว แต่เช็คถุงยาแล้วถุงยางไม่แตกค่ะ ผ่านมาจน วันที่6-8 ธ.ค. มีเลือดสีน้ำตาลเข้มไหลมานิดหน่อยพร้อมกับตกขาว พอวันที่9มีน้ำลื่นๆใสๆออกมาจากช่องคลอด ตรวจครรภ์แล้วก็เห็นแค่ขีดเดียว คำถามคะ 1.แล้วอาการที่กล่าวมามันปกติไหม?มีโอกาสท้องไหม? 2.ที่เมนไม่มาจะเกี่ยวกับการที่ทานน้ำเย็นรึป่าว รึเป็นเพราะเครียด? 3.ถ้าตรวจครรภ์อีกรอบควรกี่วันให้หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์คะ? 4.ยาคุมควรทานกี่วันก่อนมีเพศสัมพันธ์คะ? 5.แล้วครั้งหน้าทานยาคุมก่อนเป็นเมนแล้วมีอะไรกันแบบ ไม่ป้องกันอีกจะมีโอกาสท้องมั้ยคะ? คำถามเยอะหน่อยเพราะสงสัยหลายเรื่องคะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะคะ

    สวัสดีค่ะ คุณ remyuda Namon,

                         การมีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 12 พ.ย. หากในช่วงแรกไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัย แต่ยังไม่ได้มีการหลั่งน้ำอสุจิเกิดขึ้น โอกาสที่จะตั้งครรภ์ก็ไม่มี หลังจากนั้น หากได้ใส่ถุงยางอนามัย แล้วมีเพศสัมพันธ์ต่อจนเสร็จ ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 2%

                         สำหรับ เลือดสีน้ำตาลที่ออกมาในวันที่ 6-8 ธ.ค. หากอยู่ในช่วงวันที่ที่ประจำเดือนควรจะมา ก็อาจเป็นประจำเดือนที่มีปริมาณน้อยมากได้ ส่วนน้ำใสๆ ที่ออกมาในวันที่ 9 ธ.ค. ก็ถือเป็นตกขาวที่ปกติดี ทั้งนี้ หากได้ตรวจหาการตั้งครรภ์แล้ว พบขึ้นเพียง 1 ขีด ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นค่ะ

                         คำถาม

                         1. เมื่อตรวจหาการตั้งครรภ์แล้วไม่พบ ก็แสดงว่าไม่ได้มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น

                        2. เลือดสีน้ำตาลที่ออกมา อาจเป็นประจำเดือนที่มีปริมาณน้อย โดยเกิดจากสาเหตุ เช่น การมีความเครียด ทำงานหนัก ออกกำลังกายมากไป มีน้ำหนักลด เป็นต้น ส่วนการดื่มน้ำเย็น ไม่ได้มีผลอะไรต่อประจำเดือนค่ะ

                         3. การตรวจหาการตั้งครรภ์ ควรตรวจหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้วอย่างน้อย 14 วัน

                        4. และ 5. การจะเริ่มทานยาคุมกำเนิด ควรทานภายใน 1-5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ยาคุมกำเนิดจึงจะออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันที แต่หากไม่ได้เริ่มทานยาคุมกำเนิดภายใน 1-5 วัน นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนมา ก็ต้องทานต่อเนื่องไปอย่างน้อย 7 วันก่อน ยาจึงจะออกฤทธิ์ค่ะ โดยจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้มากกว่า 99%