ถามแพทย์

  • คันอวัยวะเพศมา 2-3 สัปดาห์ เมื่อวานมีเมือกออกจากท่อปัสสาวะ เป็นอะไร

  •  J and J
    สมาชิก
    ผมมีอาการคันอวัยวะเพศ (คันแค่ด้านนอกแต่ทั้งอวัยวะเพศ) เป็นเวลามาประมาณ2-3สัปดาห์ ผมนึกว่าเป็นอาการแพ้น้ำยาซักผ้า จึงไม่ได้ไปพบแพ้ จนกระทั้งเมื่อวานตอนเช้าผมอาบน้ำพอจะทำความสะอาดอวัยวะเพศ ผมดึงหนังหุ้มปลายออก เจอเมือกที่รูปัสวะ ก็นึกว่าเป็นคราบฝันเปียกก็ทำความสะอาดปกติ พอมาตอนบ้าอยๆเข้าห้องน้ำ ก็มีเมือกอีกนิดหน่อย แต่อยู้รอบๆๆหัวอวัยวะเพศและหนังหุ้มปลาย ผมก็ทำการล้าองปกติ พอตอนเย็นมันก็มีคล้ายๆเหมือนเดิม รอบนี้ผมเลยดูเมือกจะมีสีเขียวคล้ายๆเสมหะแต่ไม่มีกลิ่น เวลาปัสวะถ้าดึงหนังหุ้มปลาย จะแสบนิดที่รูปัสวะ แต่ถ้าไม่ดึงแล้งปัสวะ จะไม่มีอาการอะไรเลยครับ อาการแบบนี้เป็นอะไรครับ อยากทราบ ผมกังวลว่าจะเป็นหนองในหรือป่าว

    สวัสดีค่ะ คุณ J and J,

                      อาการคันที่อวัยวะเพศชาย มีเมือกที่รูท่อปัสสาวะ อาจเกิดจาก

                     1. การแพ้ หรือระคายเคืองจากสารเคมีต่างๆที่ไปสัมผัสโดน เช่น แป้ง โลชั่น น้ำหอม สบู่ น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม รวมถึงถุงยางอนามัย เป็นต้น แต่มักมีผื่นให้เห็นร่วมด้วย และไม่น่าทำให้มีเมือกออกจากท่อปัสสาวะ

                      2. เป็นปลายองคชาตอักเสบ (balanitis) โดยอาจเกิดจากการติดเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย อาการคือผิวหนังที่บริเวณปลายองคชาตจะบวมแดง หรืออาจมีผื่นแดง ร่วมกับอาการระคายเคือง เจ็บ คัน นอกจากนี้อาจมีน้ำเหลืองข้นๆ ออกจากท่อปัสสาวะ เจ็บขณะปัสสาวะ

                      3. ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในแท้ แต่อาการหลักคือจะมีหนอง (สีเขียว-เหลือง) ไหลจากท่อปัสสาวะ หรือหากเป็นหนองในเทียม ก็จะมีมูกข้นๆ หรือใสออกจากท่อปัสสาวะ และมีแสบหรือขัดขณะปัสสาวะ 

                         ทั้งนี้ หากมีประวัติมีเพศสัมพันธ์ก็ในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้านั้น ก็อาจเกิดจากโรติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

                          ในเบื้องต้น ให้งดการทาแป้ง หรืออื่นๆ ที่อวัยวะเพศ งดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน ห้ามการแคะ แกะเกา และไม่ล้างอวัยวะเพศบ่อยเกินไป ไม่ควรใช้สบู่ที่รุนแรงฟอก  หลังการอาบน้ำ ต้องซับให้แห้ง ล้างมือทุกครั้งก่อนจับอวัยวะเพศเพื่อปัสสาวะ และต้องถลกหนังหุ้มปลายทุกครั้งที่ปัสสาวะ เพื่อป้องกันปัสสาวะตกค้างหมักหมม สำหรับกางเกงในที่ใส่ เวลาซัก ก็ควรล้างด้วยน้ำเปล่าหลายๆ ครั้ง เพื่อเอาผงซักฟอกหรือน้ำยาซักผ้าออกให้หมด งดการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มไปก่อน

                          และแนะนำควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยว่าเกิดจากสาเหตุใด จะได้รักษาให้ตรงกับโรคค่ะ หากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากไม่รักษาให้หายสนิท อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ค่ะ